แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำสั่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้นให้กรมรถไหเป็นรถไฟทหาร แต่พนักงานกรมรถไฟคงเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือน ฉะนั้นเมื่อพนักงานรถไฟทำผิด ก็ต้องขึ้นศาลพลเรือน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฆ่าคน ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ศาลเห็นว่าจำเลยเป็นนายสถานีรถไฟ ตามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุดลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๖ ให้เปลี่ยนสภาพกิจการรถไฟขึ้นในบังคับบัญชาการทหารสูงสุด จำเลยจึงสังกัดราชการทหาร คดีต้องขึ้นศาลทหาร จึงยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประกาศของผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น กิจการของกรมรถไฟถูกเปลี่ยนสภาพเป็นรถไฟทหาร ส่วนเจ้าหน้าที่กรมรถไฟคงประจำทำหน้าที่ตามระเบียบราชการของกรมรถไฟซึ่งเป็นฝ่ายพลเรือนแต่ต้องอยู่ในระเบียบวินัยอย่างทหาร หาใช่กลายเป็นทหารหรือสังกัดราชการทหารด้วยไม่ และจะเห็นได้ว่าประกาศนั้นต้องการให้กรมรถไฟเป็นรถไฟทหาร แต่เจ้าหน้าที่เป็นพลเรือน มีหน้าที่ต้องฟังบังคับบัญชาผู้บัญชาการรถไฟทหารก็จริง แต่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ตามระเบียบบริหารราชการของกรมรถไฟตามเดิม จะถือว่าเจ้าหน้าที่ถูกโอนสังกัดไปขึ้นราชการทหารหาได้ไม่ จำเลยจึงไม่ได้สังกัดราชการทหาร ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษา จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้ดำเนินการต่อไป