คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวแต่มีดนั้นยาวประมาณ12นิ้วกว้างประมาณ2นิ้วกับจำเลยแทงทางด้านหลังขณะผู้เสียหายไม่ได้ระวังตัวและได้เลือกแทงที่สะบักซ้ายลึกเข้าถึงเยื่อหุ้มปอดจนมีเลือดตกลงในช่องปอดด้วยซึ่งหากผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์นำสืบรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ นายมงคลผู้เสียหายไปช่วยงานศพที่วัดโรงช้าง และถูกแทงมีบาดแผลตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง ขณะนั้นจำเลยเป็นสัปเหร่อและอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุด้วย ปัญหาว่า จำเลยเป็นคนร้ายคดีนี้และใช้มีดแทงโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายตามฟ้องหรือไม่ นั้น โจทก์มีผู้เสียหาย นางสาวสงวน ใจชื่นกับเด็กชายวิโรจน์ จวงฝน เป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายคดีนี้ ถึงแม้จะเบิกความในรายละเอียดไม่ตรงกันบ้าง แต่คนทั้งสองก็ให้ถ้อยคำตรงกันว่าจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุใช้เท้าเตะทำร้ายเด็กชายวิโรจน์ก่อน แล้วผู้เสียหายเข้าไปห้ามไว้ ต่อมาจำเลยจึงได้ทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้มีดแทงและมีดดังกล่าวปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบเศษหรือ 12 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้วเศษหรือ 2 นิ้ว เด็กชายวิโรจน์ได้เห็นจำเลยไปหยิบเอามีดดังกล่าวจากข้างศพแล้วเดินลงบันไดเมรุมาแทงผู้เสียหายด้วย ไม่ปรากฏว่าพยานโจทก์ทั้งสามมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยจึงไม่ระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งปรักปรำ ต่อมาหลังเกิดเหตุคืนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาจับจำเลยแต่ตั้งข้อหาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ซึ่งจำเลยก็ให้การรับสารภาพ มีรายละเอียดตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.2 และข้อนี้จำเลยมิได้พิสูจน์หักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่นแต่อย่างใด คงมีตัวจำเลยเบิกความกล่าวอ้างลอย ๆว่า ไม่ได้กระทำผิดเท่านั้น จึงไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังหักล้างพยานโจทก์ รูปคดีเชื่อว่า จำเลยเป็นคนร้ายใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายจริงโดยมีเหตุผลอย่างอื่นอีกตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วการกระทำของจำเลยครั้งนี้ ถึงจะแทงครั้งเดียว แต่จำเลยก็เข้าแทงด้านหลังในขณะที่ผู้เสียหายไม่ได้ระวังตัวและได้เลือกแทงที่สะบักซ้ายลึกเข้าถึงเยื่อหุ้มปอด ซึ่งนายแพทย์กฤษดา สินธวานนท์ มาเบิกความยืนยันว่ามีเลือดตกลงไปในช่องปอดด้วย ถ้าไม่มารักษาทันท่วงที ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ จึงต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษายืน.”

Share