คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลภายนอกเข้าทำสัญญารับใช้หนี้ต่อเจ้าหนี้แทนลูกหนี้โดยมีเงื่อนไขว่าเจ้าหนี้จะต้องถอนฟ้องคดีแพ่งและคดีอาชญาฐานฉ้อโกงและปลอมหนังสือที่กำลังฟ้องลูกหนี้อยู่ในโรงศาลดังนี้ สัญญาเช่นนี้ท่านว่าเป็นสัญญามีเงื่อนไขขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยแลศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ วิธีพิจารณาแพ่ง นิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะโดยขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้นแม้ไม่มีผู้ดใดยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ อ้างฎีกาที่ 323/2477 สัญญา แปลสัญญา วิธีพิจารณาอาชญาความผิดต่อส่วนตัวยอมความกันได้ แต่ความผิดอาชญาแผ่นดินยอมความกันไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าเดิม มารดาจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ โจทก์จึงฟ้องเรียกหนี้สินไว้ที่ศาลแพ่งรวม ๔ สำนวนกับฟ้องคดีอาชญาหาว่าปลอมหนังสือและฉ้อโกง จำเลยซึ่งเป็นบุตร์จึงเข้าทำสัญญาต่อโจทก์ยอมรับใช้หนี้แทนมารดาผู้เดียวเป็นเงิน ๑๗๕,๐๐๐ บาท แต่มีข้อตกลงว่าให้โจทก์ถอนฟ้องคดีที่กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น บัดนี้โจทก์ได้ถอนฟ้องคดีต่าง ๆ ไปจากศาลแล้ว แต่จำเลยยังหาได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญา
ศาลฎีกาเห็นว่าสำหรับคดีอาชญาเรื่องฉ้อโกงนั้นเป็นความผิดต่อส่วนตัว โจทก์มีสิทธิยอมความกันได้ แต่คดีฐานปลอมหนังสือนั้นไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว เป็นความผิดทำให้เกิดภยันตรายแก่ประชาชน เห็นว่าการสัญญาใช้เงินโดยมีเงื่อนไขให้ถอนคดีอาชญาชนิดนี้เป็นนิติกรรมที่มีเงื่อนไขขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นโมฆะตามประมวลแพ่ง ม.๑๑๓ และ ๑๕๐๒ แม้ไม่มีผู้ใดยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ศาลก็ยกขึ้นเป็นข้อยกฟ้องได้่
แลข้อค้านของโจทก์ที่ว่าสัญญานี้มีสินจ้างรางวัลที่โจทก์ให้แก่จำเลยหลายข้ออาจแยกออกจากกันได้ หากศาลเดิมไม่สืบพะยานประกอบ ซึ่งเป็นการไม่ชอบนั้นเห็นว่าตามสัญญาตอน ๔ นั้น เมื่อโจทก์ปฏิบัติเงื่อนไขครบถ้วนตามสัญญาแล้วกล่าวคือ ได้ถอนฟ้องคดีหมดทั้ง ๓ สำนวนแล้วจึงจะใช้เงินให้จำนวนหนึ่งซึ่งเป็นจำนวนรวมมิได้แยกว่าสำนวนใดเท่าใด แลตามสัญญาตอน ๗ ถ้าหากว่ามารดาาจำเลยถูกศาลลงโทษสัญญานี้จะต้องเลิกไปทั้งฉะบับทีเดียว ยิ่งชัดว่าไม่มีทางแม้แต่ข้อหนึ่งข้อใดที่จะแยกจากกันได้เลย ทั้งโจทก์จะสืบแก้ไขตัดทอนเพิ่มเติมก็เป็นอันไม่ได้ตามกฎหมาย จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง ให้ยกฟ้องโจทก์

Share