คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ต่อเมื่อลูกหนี้มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยา มีคำบังคับให้แบ่งสินสมรสกัน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าโจทก์จะจดทะเบียนสมรสกับสามีใหม่นั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานกองหมายให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด ต้องถือว่าหมายบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดสินสมรสนั้นก็เพื่อแบ่งให้โจทก์จำเลยเท่านั้น ข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอ เมื่อได้จัดการตามหมายบังคับคดีฉบับแรกไปแล้ว โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ซึ่งศาลก็ได้ออกหมายบังคับคดีให้ตามคำร้องขอของโจทก์ และจำเลยได้ชำระเงินให้ตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้วภายหลังโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังโดยอาศัยหมายบังคับคดีเดิมสองฉบับที่จำเลยได้ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้ว และโดยที่ศาลมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ใหม่หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2509 ให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยา สินสมรสตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องให้ขายทอดตลาดหักใช้หนี้จำนอง เหลือเท่าใดแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์เป็นรายเดือน ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าเป็นต้นไป จนกว่าโจทก์จะมีสามีใหม่ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ ขอบังคับคดี ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2509 ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินสินสมรส 2 แปลงออกขายทอดตลาด แล้วแบ่งเงินที่เหลือสุทธิจากการขายทอดตลาดให้แก่โจทก์และจำเลย โดยหักเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูจากเงินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์เป็นค่าเลี้ยงดูตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2509 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2510 เป็นเงิน 2,366.67 บาท ในวันที่ 9 ตุลาคม 2511 โจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ของจำเลยอีก อ้างว่าจำเลยไม่เคยชำระค่าเลี้ยงดูตามคำพิพากษาตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2511 เป็นเวลา 32 เดือน ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2511 ใจความว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งศาลให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์จำเลยแล้วภายหลังจำเลยนำเงินไปกองบังคับคดีแพ่งครบถ้วนตามหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ถอนการยึดทรัพย์และถอนหมายบังคับคดี

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2515 จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นคัดค้านการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินไปยึดที่ดินของจำเลยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2515 โดยจำเลยไม่เคยได้รับหมายจากกองบังคับคดีแพ่ง โจทก์ไม่มีอำนาจขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยอีก เพราะหมายบังคับคดี ฉบับลงวันที่ 10 สิงหาคม 2509 ถูกยกเลิกโดยหมายบังคับคดีฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2511 และหมายบังคับคดีฉบับลงวันที่ 26ธันวาคม 2511 นี้ จำเลยก็ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจที่จะไปยึดทรัพย์ของจำเลยได้อีกจนกว่าศาลจะได้ออกหมายบังคับคดีใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หมายบังคับคดีฉบับแรกลงวันที่ 10 สิงหาคม 2509 นั้น แม้ต่อมาจะได้ออกหมายใหม่ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2511 กำหนดวงเงินที่จะบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งก็ตาม ก็หาทำให้หมายบังคับคดีฉบับแรกสิ้นผลไปไม่ เพราะหมายบังคับคดีฉบับแรกกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูตลอดไปจนกว่าโจทก์จะมีสามีใหม่ การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ยกคำร้องของจำเลย อนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไว้เพื่อชำระหนี้โจทก์ต่อไป

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีนั้นย่อมจะกระทำต่อเมื่อลูกหนี้มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271เท่านั้น คดีนี้ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2509 ว่า การแบ่งสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยไม่อาจตกลงกันได้ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด จึงต้องฟังว่าหมายบังคับคดีซึ่งศาลชั้นต้นออกเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2509 เป็นหมายบังคับคดีที่ตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดทรัพย์สินสมรสตามบัญชีท้ายฟ้อง เพื่อจะได้เอาออกขายทอดตลาดหักใช้หนี้จำนอง เหลือเท่าใดแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละครึ่งตามที่โจทก์ร้องขอเท่านั้น ส่วนข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้น หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอ ส่วนหมายบังคับคดีฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2511 นั้น ก็เป็นหมายที่ออกให้ตามคำขอของโจทก์ เพื่อให้หัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งจัดการยึดทรัพย์จำเลย เพราะจำเลยไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ดังนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จะอาศัยหมายบังคับคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้เคยออกไปแล้วเพื่อขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังหาได้ไม่ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของจำเลยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2515 โดยปราศจากหมายบังคับคดีจากศาล จึงย่อมเป็นการไม่ชอบ

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้

Share