แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกบุกรุกเข้าไปในโรงงานของบริษัทผู้เสียหาย เพื่อทำการลักทรัพย์ แล้วจำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์ที่อยู่ในโรงงานนั้นไป การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดในวาระเดียวกัน แต่ผิดกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก ๑ คน เข้าไปในโรงงานของบริษัทอุตสาหกรรมกระดาษไทยจำกัด โดยไม่มีเหตุอันควร อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข และจำเลยกับพวกลักเหล็กข้อต่อสำหรับปิดเปิดประตูน้ำจำนวน ๖ อันของบริษัทดังกล่าว ที่เก็บอยู่ในโรงงานนั้นไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕ และ ๓๓๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕ และมาตรา ๓๓๕ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๓๕ อันเป็นกระทงหนักที่สุด จำคุกจำเลย ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๔, ๓๖๕ ลงโทษตามมาตรา ๓๖๕ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลย ๙ เดือน จำเลยเบิกความรับในชั้นพิจารณาว่าจำเลยได้เข้าไปในที่เกิดเหตุ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ เดือน ข้อหาฐานลักทรัพย์ให้ยกเสีย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับนายทองปอนได้ร่วมกันลักทรัพย์ข้อต่อท่อน้ำของบริษัทผู้เสียหายจริงดังโจทก์ฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ๒ กระทงนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกับพวกได้สมคบกันเข้าไปในที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อเข้าไปลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดในวาระเดียวกัน แต่ผิดกฎหมายหลายบท
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๕ และมาตรา ๓๓๕ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๓๕ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี