แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวฟ้องเกี่ยวกับค่าแรงงานว่าโจทก์ควรได้ข้าวเปลือกในนา 13 ไร่ 650 ถัง ราคาถังละ 10 บาท รวมเป็นเงิน 6500 บาท และคำให้การของจำเลยก็มิได้ปฏิเสธจำนวนข้าวที่โจทก์เรียกร้องคงเถึยงแต่เรื่องราคาข้าวว่าถังละ 7 บาท ดังนี้ก็ชอบต้องฟังว่าโจทก์ควรได้ข้าวเปลือกเป็นค่าจ้าง 650 ถัง แต่ราคาข้าวเปลือกโจทก์มิได้นำสืบจึงต้องฟังตามคำพยานจำเลยว่าราคาข้าวเปลือกถังละ 7 บาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์ทำนาของจำเลย ๒๐ ไร่ สัญญาว่าเก็บเกี่ยวแล้วข้าวเปลือกที่ได้ในนา ๑๓ ไร่ จะให้เป็นค่าจ้างแรงงานโจทก์คิดเป็นเงิน ๖๕๐๐ บาท ถึงกำหนดจำเลยไม่จ่ายให้โจทก์ จึงขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยจ้างโจทก์ ๆ ไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลย และคัดค้านว่าราคาข้าวเปลือกถังละ ๗ บาท คงเป็นเงิน ๔๔๕๐ บาท เท่านั้น จำเลยมิได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถาม การจ้างแรงงานมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าจ้างแก่โจทก์เป็นข้าว ๖๕๐ ถัง ถ้าไม่สามารถชำระเป็นข้าวเปลือกได้ก็ให้ชำระเงิน ๔๔๕๐ บาท ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยได้จ้างโจทก์ตามฟ้องจริงส่วนเรื่องค่าจ้างแรงงานนั้นโจทก์กล่าวในฟ้องว่าควรได้ข้าวเปลือกในนา ๑๓ ไร่ ๖๕๐ ถังราคาถังละ ๑๐ รวมเป็นเงิน ๖๕๐๐ บาท คำให้การของจำเลยก็มิได้ปฏิเสธจำนวนข้าวที่โจทก์เรียกร้องคงเถียงแต่เรื่องราคาข้าวเปลือกว่าถังละ ๗ บาท ก็ชอบต้องฟังว่าโจทก์ควรได้ข้าวเปลือกเป็นค่าจ้าง ๖๕๐ ถัง แต่ราคาข้าวเปลือกฝ่ายโจทก์มิได้นำสืบ ศาลทั้งสองฟังตามคำพยานจำเลยว่าราคาข้าวเปลือกถังละ ๗ บาท เป็นราคาข้าวเปลือกทั้งหมด ๔๔๕๐ บาท ถูกต้องแล้วไม่มีเหตุพึงแก้ไข
พิพากษายืน