คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11351/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 149 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 2 เม็ด คดีของจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง ส่วนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกา ความผิดฐานนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 145 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ความผิดฐานดังกล่าวจึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน 149 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียว มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอีกกรรมหนึ่ง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษ จำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83, 33 ริบเมทแอมเฟตามีนและเงิน 630 บาท ของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เพื่อให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีใหม่
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 86 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานสนับสนุนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี 16 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 16 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 26 เดือน 20 วัน ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานสนับสนุนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 คงมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (ที่แก้ไขใหม่) จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก จำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนเงินจำนวน 630 บาท ให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บันทึกคำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 เขียนเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดมอบให้ไว้แก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ถูกทำขึ้นทันทีในขณะเกิดเหตุและหลังจากเกิดเหตุใหม่ ๆ โดยจำเลยที่ 2 ยังมิได้มีโอกาสคิดเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงหรือปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นให้ผิดไปจากความจริง ทั้งยังสอดคล้องกับบันทึกคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 มอบให้จำเลยที่ 2 เป็นคนนำเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจำนวน 145 เม็ด ไปเก็บไว้โดยจำเลยที่ 1 จะเป็นคนนำไปขายเอง ข้อเท็จจริงตามบันทึกดังกล่าวยังสอดคล้องเชื่อมโยงกับคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกจีระวัฒน์และสิบตำรวจโทมังกรพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมและตรวจยึดของกลางจากบ้านหลังเกิดเหตุอย่างสมเหตุผล ส่วนที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า เขียนข้อความลงในบันทึกตามคำบอกของเจ้าพนักงานตำรวจโดยเจ้าพนักงานตำรวจใช้มือตบทำร้ายจำเลยที่ 2 ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 เป็นคนนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 145 เม็ด ไปซุกซ่อนที่กำแพงบ้านเองโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้รับมาจากจำเลยที่ 1 แล้วนำไปซุกซ่อน ตลอดจนไม่เคยได้รับเงินส่วนแบ่งจากจำเลยที่ 1 และพนักงานสอบสวนก็มิได้สอบถามถึงการรับเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 แล้วนำไปซุกซ่อนตามที่ระบุไว้ในบันทึกคำให้การนั้น ก็คงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ของจำเลยที่ 2 โดยมิได้มีพยานหลักฐานอื่นใดที่สมเหตุผลมาสนับสนุนยืนยันและมิได้ถามค้านไว้ในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความ อีกทั้งจำเลยที่ 1 ซึ่งมาเบิกความยืนยันเป็นพยานจำเลยที่ 2 นั้น ก็เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของจำเลยที่ 2 จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ดังนั้น เมื่อฟังประกอบคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกจีระวัฒน์และสิบตำรวจโทมังกรพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมที่ยืนยันสอดคล้องต้องกันว่าขณะที่ไปทำการตรวจค้นจับกุมในบ้านหลังเกิดเหตุนั้น จำเลยที่ 2 ยอมรับว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากย่านคลองเตยแล้วนำมาแบ่งให้แก่จำเลยที่ 2 จำนวน 2 เม็ด ส่วนที่เหลือดังกล่าวแล้วจำเลยที่ 1 ได้มอบให้จำเลยที่ 2 นำไปซุกซ่อนไว้ เมื่อมีคนมาขอซื้อจำเลยที่ 1 ก็จะให้จำเลยที่ 2 ไปนำออกมาจากที่ซุกซ่อนแล้วนำไปให้จำเลยที่ 1 เป็นคนขายให้แก่ลูกค้านำเงินมาแบ่งปันกันแล้ว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยที่ 2 ได้เขียนข้อความตามบันทึก กับให้การต่อพนักงานสอบสวนตามบันทึกคำให้การ ไปตามความเป็นจริงด้วยความสมัครใจ ที่จำเลยที่ 2 โต้แย้งในคำแก้ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานที่ที่ซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนตามคำเบิกความของพยานโจทก์ขัดแย้งกันจนทำให้เป็นพิรุธน่าสงสัยนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับเมทแอมเฟตามีนจำนวน 145 เม็ด ของกลางจากจำเลยที่ 1 แล้วนำไปซุกซ่อนในบริเวณบ้านหลังเกิดเหตุตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 ก็ได้บอกให้จำเลยที่ 2 เป็นคนไปนำเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวจากที่ซุกซ่อนมาส่งมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวข้างต้น ทั้งรั้วบ้านกับใต้ถุนบ้านตามภาพถ่ายก็ปรากฏว่าอยู่ชิดติดกัน ข้อแตกต่างเกี่ยวกับสถานที่ซุกซ่อนตามที่จำเลยที่ 2 โต้แย้งดังกล่าวจึงเป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่เป็นสาระสำคัญแต่ประการใด ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาทั้งหมดประกอบกันฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 ตามที่ได้ความมาดังกล่าวข้างต้นถือได้ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 รู้อยู่ว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายที่มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมานั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 149 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 2 เม็ด คดีของจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง ส่วนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกา ความผิดฐานนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 145 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ความผิดฐานดังกล่าวจึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 149 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียว มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอีกกรรมหนึ่ง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่), 67 (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กับฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานนี้ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 145 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียว จำคุก 4 ปี 16 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 6 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share