คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาซื้อขายนมกล่อง ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ จำเลยให้การและ ฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นตัวแทนค้าต่างของโจทก์ จำเลยได้รับสินค้าและได้นำไปส่งมอบให้แก่ผู้สั่งซื้อแล้ว ชอบที่จะได้ ค่าบำเหน็จจากโจทก์ ตามคำฟ้องและฟ้องแย้งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำสัญญาว่าทำกันด้วยเรื่องอะไร ผลของสัญญาจะเป็นเช่นใด ซึ่งโจทก์และจำเลยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายต้องรับผิดตามสัญญาเกี่ยวกับการกระทำอันเดียวกัน จำเลยย่อมฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่าบำเหน็จได้ เพราะเป็นเงินที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นเรื่องทีเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยจำนวน ๑,๑๙๗,๑๗๓.๒๕ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า…จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบเพื่อการชำระหนี้แทนผู้สั่งซื้อสินค้า จำเลยและโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ ก่อนฟ้องไม่เคยได้รับการบอกกล่าวทวงถาม หนี้ขาดอายุความแล้ว และฟ้องแย้งว่าจำเลยเป็นตัวแทนค้าต่างของโจทก์โดยเป็นผู้จำหน่ายนม ยู เอช ที ให้แก่โรงเรียนในสังกัดสำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติแทนโจทก์ ซึ่งจำเลยชอบที่ได้รับบำเหน็จจากโจทก์ จึงขอให้โจทก์ ชำระค่าบำเหน็จในการเป็นตัวแทนค้าต่างแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลย ส่วนฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องแย้งเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง คืนค่าขึ้นศาล ทั้งหมดให้จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้านมกล่อง (UHT) และ นมพาสเจอร์ไรส์ และรับสินค้าจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้วเป็นเงิน ๑,๐๘๒,๑๐๕.๔๐ บาท เมื่อถึงกำหนดชำระเงินค่าสินค้า จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าดังกล่าวแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นตัวแทนค้าต่างของโจทก์ จำเลยได้รับสินค้าจากโจทก์และได้นำไปส่งมอบให้แก่ผู้สั่งซื้อแล้ว จำเลยชอบที่จะได้ค่าบำเหน็จในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ จึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าบำเหน็จจำนวน ๖๗๔,๓๒๕.๗๙ บาท แก่จำเลย เห็นว่า ตามคำฟ้องและตามฟ้องแย้งนั้นเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทำสัญญาว่าสัญญาทำกันด้วยเรื่องอะไร ผลของสัญญาจะเป็นเช่นใด ซึ่งโจทก์และจำเลยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายต้องรับผิดตามข้อสัญญาเกี่ยวกับการกระทำอันเดียวกัน เช่นนี้จำเลยย่อมฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่าบำเหน็จในฐานะเป็นตัวแทนค้าต่างของโจทก์ได้ เพราะเป็นเงินที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรคสาม ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share