แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง โดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวงภรรยานายหนูใบผู้ตายไปแล้วเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์จึงฟ้องไล่เบี้ยจำเลยให้ชดใช้เงินคืน โจทก์ได้รับชดใช้คืนบ้างแล้วโดยได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการเข้าทำงานกับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนของจำเลยอีก 287 บาท 94 สตางค์คงเหลือที่จำเลยจะต้องใช้คืนอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด เพราะนอกจากโจทก์จะได้ยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท 06 สตางค์แล้ว ตามคำขอท้ายฟ้องก็ยังระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์อีก กรณีมิใช่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายครบถ้วนแล้วยังมาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างโดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตายนางจวงภรรยา นายหนูใบได้ฟ้องโจทก์ จำเลยและนายบุรีเป็นจำเลยแล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมโดยโจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวง คดีถึงที่สุด โจทก์ได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันในการเข้าทำงานกับโจทก์ของจำเลย 30,000 บาท และเงินประกันตัวหักไว้จากเงินเดือนจำเลย 287 บาท 94 สตางค์ คงเหลือเงินที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ แต่จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 26,712 บาท 06 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ขับรถยนต์โดยประมาท โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนางจวงไปโดยจำเลยมิได้ตกลงด้วยและปรากฏตามฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันในการเข้าทำงานกับโจทก์ของจำเลย 30,000 บาท และเงินประกันตัวที่หักไว้จากเงินเดือนจำเลย 287 บาท 94 สตางค์ เป็นอันว่าโจทก์ได้รับเงินเกินกว่าที่โจทก์เสียให้แก่นางจวงแล้ว โจทก์ไม่เสียหายและไม่ชอบที่จะเรียกร้องไล่เบี้ยเอาเงินจากจำเลย
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้อง คำให้การแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งงดการชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานและพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงิน 26,712 บาท06 สตางค์แก่โจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยซึ่งเคยเป็นลูกจ้างโจทก์ได้ขับรถยนต์ของโจทก์โดยประมาทชนนายหนูใบ คำตุ้ม ถึงแก่ความตาย โจทก์จำเลยและนายบุรี เขียวขจี ถูกนางจวง คำตุ้มภรรยานายหนูใบ คำตุ้มเป็นโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย ศาลพิพากษาตามยอมให้ใช้ค่าเสียหาย30,000 บาทแก่นางจวง คำตุ้ม ซึ่งโจทก์ได้ใช้เงินจำนวนนี้แก่นางจวง คำตุ้มไปเรียบร้อยแล้ว จึงฟ้องไล่เบี้ยเอาจากจำเลย โดยบรรยายฟ้องถึงจำนวนเงิน30,000 บาทที่ชำระแก่นางจวง คำตุ้มไปแล้วจำนวนเงินที่ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกันในการเข้าทำงานกับโจทก์ของจำเลย 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนจำเลย 287 บาท 94 สตางค์ และยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท06 สตางค์ ทั้งตามคำขอท้ายฟ้องก็มีระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนนี้แก่โจทก์เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน