คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง โดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวงภรรยานายหนูใบผู้ตายแล้วเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์จึงฟ้องไล่เบี้ยจำเลยให้ชดใช้เงิน โจทก์ได้รับชดใช้คืนบ้างแล้ว โดยได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการเข้าทำงานกับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนของจำเลยอีก 287 บาท 94 สตางค์ คงเหลือที่จำเลยจะต้องใช้คืนอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด เพราะนอกจากโจทก์จะได้ยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท 06 สตางค์แล้ว ตามคำขอท้ายฟ้องก็ยังระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์อีก กรณีมิใช่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายครบถ้วนแล้วยังมาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างโดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย นางจวงภรรยานายหนูใบได้ฟ้องโจทก์ จำเลยและนายบุรีเป็นจำเลย แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอม โดยโจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวง คดีถึงที่สุด โจทก์ได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันในการเข้าทำงานกับโจทก์ของจำเลย ๓๐,๐๐๐ บาท และเงินประกันตัวหักไว้จากเงินเดือนจำเลย ๒๘๗ บาท ๙๔ สตางค์ คงเหลือเงินที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีก ๒๖,๗๑๒ บาท ๐๖ สตางค์ แต่จำเลยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๒๖,๗๑๒ บาท ๐๖ สตางค์พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ขับรถยนต์โดยประมาท โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนางจวงไปโดยจำเลยมิได้ตกลงด้วย และปรากฏตามฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันในการเข้าทำงานกับโจทก์ของจำเลย ๓๐,๐๐๐ บาท และเงินประกันตัวที่หักไว้จากเงินเดือนจำเลย ๒๘๗ บาท ๙๔ สตางค์ เป็นอันว่าโจทก์ได้รับเงินเกินกว่าที่โจทก์เสียให้แก่นางจวงแล้ว โจทก์ไม่เสียหายและไม่ชอบที่จะเรียกร้องไล่เบี้ยเอาเงินจากจำเลย
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้อง คำให้การแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งงดการชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานและพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงิน ๒๖,๗๑๒ บาท ๐๖ สตางค์แก่โจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยซึ่งเคยเป็นลูกจ้างโจทก์ได้ขับรถยนต์ของโจทก์โดยประมาทชนนายหนูใบ คำตุ้ม ถึงแก่ความตาย โจทก์จำเลยและนายบุรี เขียวขจี ถูกนางจวง คำตุ้มภรรยานายหนูใบ คำตุ้ม เป็นโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย ศาลพิพากษาตามยอมให้ใช้ค่าเสียหาย ๓๐,๐๐๐ บาทแก่นางจวง คำตุ้ม ซึ่งโจทก์ได้ใช้เงินจำนวนนี้แก่นางจวง คำตุ้มไปเรียบร้อยแล้ว จึงฟ้องไล่เบี้ยเอาจากจำเลย โดยบรรยายฟ้องถึงจำนวนเงิน ๓๐,๐๐๐ บาทแก่นางจวง คำตุ้มไปแล้ว จำนวนเงินที่ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกันในการเข้าทำงานกับโจทก์ของจำเลย ๓๐,๐๐๐ บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนจำเลย ๒๘๗ บาท ๙๔ สตางค์ และยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน ๒๖,๗๑๒ บาท ๐๖ สตางค์ ทั้งตามคำขอท้ายฟ้อง ก็มีระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนนี้แก่โจทก์ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกันน่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด ชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share