คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นโต้เถียงแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.195,255,
การพิจารณาคดีอาญาจะยกเอาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งมาเป็นหลักสำคัญลงโทษจำเลยในคดีส่วนอาญาหาได้ไม่ในกรณีที่ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนและให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยจำต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาตามพ.ร.บ.เลือกตั้ง แก้ไข 2479 มาตรา 52 นั้น เมื่อศาลฎีกาจะพิจารณาคดีส่วนอาญาสำหรับกรณีเรื่องนี้อีกก็ไม่มีกฎหมายใดผูกพันศาลฎีกาให้จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่เคยจำต้องฟังมาแล้วในคดีเพิกถอนการเลือกตั้ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ให้เงินและสัญญาว่าจะให้เงิน ฯลฯ แก่ผู้เลือกตั้งเพื่อเป็นการจูงใจให้เลือกจำเลยเป็นผู้แทนราษฎรซึ่งโดยที่จำเลยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้
ข้อเท็จจริงฟังได้ด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งที่ฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดนี้ จำเลยได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรโดยเป็นผู้ได้คะแนนสูงสุด แล้วได้มีผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งในที่สุดศาลฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ๒๔๗๕ แก้ไข (ฉะบับที่ ๓ ) ๒๔๗๙ มาตรา ๕๙ ปรับเป็นเงิน ๓๐๐ บาท และให้เพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง ๘ ปี
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาจำเลยข้อที่ว่าฟ้องโจทกืเคลือบคลุมและการสอบสวนของเจ้าพนักงานไม่ชอบนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๙๕,๒๒๕ ศาลฎีการับวินิจฉัยไม่ได้ แต่เรื่องที่มีการคัดค้านการเลือกตั้งแล้วผลที่สุดศาลฎีกาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น ศาลฎีกา+ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลแพ่งฟังมานั้นไม่ โดยเหตุที่ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง แก้ไข ๒๔๗๙ มาตรา ๕๒ บัญญัติให้ศาลฏีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นศาลฎีกาจึงคงมีหน้าที่พิจารณาแต่เพียงว่าข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้นสมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องทางอาญา ไม่มีบทกฎหมายใดผูกพันให้ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคำชี้ขาดของศาลล่างเหมือนเช่นคดีที่ขอให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ทั้งการพิจารณาคดีอาญาจะรับฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาซึ่งเป็นคดีแพ่งมาเป็นหลักสำคัญลงโทษจำเลยหาได้ไม่ จึงจำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป ผลที่สุดฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์สืบไม่สม พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share