คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ให้รับผิดในมูลหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายอันเป็นสัญญาซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมายชนิดหนึ่งโดยโจทก์บรรยายฟ้องว่าในการทำคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายจำเลยที่1ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายและมีจำเลยที่2และที่3เป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมจากคำฟ้องของโจทก์จะเห็นได้ว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องคือหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายไม่ใช่หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินสิทธิเรียกร้องในหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องดังกล่าวได้คือมีกำหนด10ปีและแม้โจทก์จะฟ้องคดีเกิน10ปีนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายแล้วก็ตามแต่จำเลยที่2ก็มิได้ยกอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การโดยเฉพาะจำเลยที่2เพียงแต่ยกอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงินขึ้นต่อสู้สถานเดียวศาลจะอ้างเอาอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้เพราะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193เดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายให้ไว้แก่โจทก์เพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้าไปก่อนโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ไว้แก่โจทก์ 4 ฉบับรวมเป็นเงิน1,184,000 บาท จำเลยที่1ได้รับเงินไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วโดยจำเลยที่1สัญญาว่าจะนำเงินที่ได้รับจากโจทก์ไปจัดซื้อสินค้าเพื่อเตรียมส่งออกตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตไปจำหน่ายยังต่างประเทศและจะนำเอกสารการส่งสินค้ามามอบให้โจทก์ภายในเวลาที่กำหนดจำเลยที่1ยินยอมให้โจทก์หักเงินที่เรียกเก็บจากลูกค้าของจำเลยที่1ได้หากเรียกเก็บเงินไม่ได้หรือเรียกเก็บได้ไม่พอชำระหนี้หรือจำเลยที่1ไม่ใช้เงินตามกำหนดเวลาในตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยที่1จะชำระเงินคืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมเป็นเงิน1,000,000บาทจำเลยที่1ชำระเงินคืนแก่โจทก์บางส่วนคงค้างชำระอยู่จำนวน 1,000,000 บาทคำนวณดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,851,551.32 บาทรวมเป็นเงิน2,851,551.32 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,851,551.32 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ16.5ต่อปีในต้นเงิน 1,000,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่1ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่าตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่1ออกให้ไว้แก่โจทก์ทั้งสี่ฉบับครบกำหนดชำระเงินตั้งแต่เดือนเมษายน 2533 โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2535 คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 จำเลยที่2ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่1ชำระเงิน 2,851,551.32 บาทโดยให้จำเลยที่2และที่3ร่วมรับผิดในจำนวน 1,000,000 บาทและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปีในเงินต้น1,000,000 บาทนับถัดจากวันฟ้อง (วันที่30มิถุนายน2535) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่2อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่2ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในประเด็นเรื่องอายุความที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว เพราะมูลหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายมีมูลหนี้มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 4 ฉบับที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่โจทก์คำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายมิใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมคำขอดังกล่าวเป็นเพียงหลักฐานแห่งคำขอกู้เงินและหรือคำขอให้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินโจทก์จะอาศัยสิทธิจากคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายมาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดต่อโจทก์ไม่ได้และหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่1มีอยู่ต่อโจทก์ซึ่งเป็นหนี้จำนวนเดียวกันกับหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายมิใช่หนี้ที่แยกกันเป็น 2 จำนวนฉะนั้นเมื่อหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 แล้วหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายย่อมต้องขาดอายุความด้วยนั้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่1ให้รับผิดในมูลหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายอันเป็นสัญญาซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมายชนิดหนึ่งโดยโจทก์บรรยายฟ้องพอสรุปความหมายได้ว่าในการทำคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายจำเลยที่ 1 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายและมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมจากคำฟ้องของโจทก์จะเห็นได้ว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องคือหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายไม่ใช่หนี้ตามสัญญาใช้เงินสิทธิเรียกร้องในหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เดิมซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องดังกล่าวได้คือมีกำหนด 10 ปีและแม้โจทก์จะฟ้องคดีเกิน10ปีนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายแล้วก็ตามแต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ยกอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การโดยเฉพาะจำเลยที่ 2 เพียงแต่ยกอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงินขึ้นต่อสู้สถานเดียวศาลจะอ้างเอาอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องตามคำขอเบิกเงินล่วงหน้าตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญาซื้อขายมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้เพราะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193 เดิม
พิพากษายืน

Share