คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางที่ตกอยู่ในภารจำยอม จำเลยฎีกาว่าที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อม ทางพิพาทจึงไม่เป็นทางจำเป็น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ตรงประเด็นศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยเปิดทางภารจำยอมซึ่งโจทก์ได้ใช้เป็นทางเดินเข้าออกจากบ้านและที่ดินโจทก์มากว่า 10 ปีแล้วและจำเลยได้รุกล้ำกั้นรั้วปิดทางเสียบางส่วน เป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายจึงขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วย

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะมีทางออกทางอื่นอยู่แล้ว โจทก์ใช้ทางยังไม่ถึง 10 ปี และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอม จำเลยไม่มีสิทธิล้อมรั้วปิดทาง ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 100 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 50 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อมทางพิพาทจึงไม่เป็นทางจำเป็นนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ตรงประเด็นเพราะศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางที่ตกอยู่ในภารจำยอมโจทก์ได้มาโดยอายุความ

ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าข้อตกลงของโจทก์กับเจ้าของที่ดินได้ตกลงกันไว้อย่างไร ตอบแทนกันอย่างไร และไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงขอให้บังคับไม่ได้นั้น โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่า ทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรเท่าใด เห็นว่ากฎหมายบัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ 4 ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงใดจึงไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลยขอให้เปิดทางเดิน เห็นว่า ประเด็นมิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้อง

ที่จำเลยฎีกาว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางภารจำยอม และโจทก์ใช้ทางพิพาทมายังไม่ถึง 10 ปีนั้น เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทมากว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงเป็นทางภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ

พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาจำเลย

Share