แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10 นั้นจะต้องได้ความว่าคณะกรรมการฯ ได้ประกาศกำหนดเขตต์ห้ามการขนย้ายข้าวไว้และจำเลยได้ทราบประกาศนั้น ฉะนั้นเมื่อตามท้องสำนวนไม่ปรากฎเลยว่าคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวได้ออกประกาศเกี่ยวแก่การกักกันข้าวในเขตต์จังหวัดที่ฟ้องจำเลยว่าอย่างใด แม้แต่สำเนาประกาศก็ไม่มีในสำนวนหรือแม้แต่จะกล่าวในฟ้องว่าได้ประกาสในราชกิจจานุเบกษาก็ไม่ได้กล่าว ตลอดจนเมื่อสืบพยานก็ไม่ได้นำสืบว่าได้มีประกาศอย่างไร จึงไม่มีทางที่จะฟังลงโทษจำเลยได้
(อ้างฎีกาที่ 1176/2492)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกับพวกขนย้ายข้าวสารออกนอกเขตต์จังหวัดชุมพรอันเป็นเขตต์ซึ่งกรรมการประกาศกำหนดเป็นเขตต์ห้ามขนย้ายข้าว โดยจำเลยพาไปทางทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิด และโจทก์ไม่ได้สืบว่าได้มีประกาศห้ามขนย้ายข้าวออกจากเขตต์จังหวัดชุมพร และได้ประกาศให้ทราบแล้ว
พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา มีอธิบดีกรมอัยยการรับรอง
ศาลฎีกาเห็นว่าตามท้องสำนวนคดีนี้ไม่ปรากฎเลยว่าคณะกรรมการตาม พ.ร.บ. สำรวจและห้ามกักกันข้าวได้ออกประกาศเกี่ยวแก่การกักกันข้าวในเขตต์จังหวัดที่ฟ้องหาจำเลยว่าอย่างใด แม้แต่สำเนาประกาศก็ไม่มีในสำนวน หรือแม้แต่จะกล่าวในฟ้องว่าได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ไม่ได้กล่าว ตลอดจนเมื่อสืบพยานก็ไม่ได้นำสืบว่าได้มีประกาศว่าอย่างไร เป็นแต่โจทก์เพิ่งจะมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาว่าคณะกรรมการได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อนี้ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีที่ ๑๑๗๖/๒๔๙๒ ว่า โดยนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าจำเลยทราบอย่างกฎหมายไม่ และการที่จะเป็นผิดตามมาตรา ๑๐ แห่ง พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย จะต้องได้ความว่าคณะกรรมการฯ ได้ประกาศกำหนดเขตต์ห้ามการขนย้ายไว้ และจำเลยได้ทราบประกาศนั้นคดีจึงตกเป็นหน้าที่โจทก์จะนำมาสืบข้อเท็จจริงทั้งสองประการดังกล่าวแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้สืบจึงไม่มีทางที่จะให้ฟังลงโทษจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีก พิพากษายืน