แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินบำนาญของสามีนับว่าเป็นสินสมรส
ภิกษุฟ้องคดีร่วมกัน ผู้เป็นภรรยา แล้วขอถอนจากเป็นโจทก์มอบให้ผู้เป็นภรรยาดำเนินคดีตามลำพัง ต่อมายื่นคำแถลงว่าไม่เกี่ยวข้องแก่ทรัพย์และว่าคำร้องใดขัดกับคำแถลงนี้ให้ยกเลิกดังนี้ ถือว่าอนุญาตให้ภรรยาจัดการฟ้องคดีได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ก่อนให้การโจทก์ที่ ๑ ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากเป็นโจทก์ ขอมอบให้โจทก์ที่ ๒ ซึ่งเป็นโยมอุปฎฐากภรรยาเดิมเป็นผู้จัดการทรัพย์สินและดำเนินคดีต่อไป ศาลอนุญาต ต่อมาได้ยื่นคำแถลงเพื่อให้ได้ความกระจ่างมิให้ขัดกับวินัยและสังฆาณัติขอแถลงว่าทรัพย์ทั้งหลายของพระภิกษุใจ ไม่มีหนี้สินแล้วก่อนอุปสมบท การฟ้องคดีนางแม้นจะจัดการสถานใดแล้วแต่เขา ข้อความใดที่ขัดแย้งกับคำแถลงนี้ให้ยกเลิกสิ้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าชั้นนี้มีปัญหาฉะเพาะว่านางแม้นจะมีสิทธิดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเงินบำนาญของพระภิกษุใจที่จำเลยรับไปนั้น เป็นสินบริคนห์ระหว่างพระภิกษุใจกับนางแม้น ซึ่งภรรยาจะฟ้องได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากสามีตน ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๑๔๖๙ การที่พระภิกษุใจเป็นโจทก์มาแต่ต้นและยื่นคำร้องและคำแถลงดังกล่าวนั้น เห็นได้ว่า อนุญาตให้ภรรยาฟ้องคดีแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง