แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
องค์ประกอบความผิดฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบและฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ คือ ใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ แต่คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้บัตรเครดิตอันเป็นบัตรเครดิตปลอมอันเป็นเอกสารสิทธิและบัตรอิเล็กทรอนิกส์อันได้มาโดยมิชอบ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจึงไม่ใช่บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น แต่เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเลยได้มาจากการปลอมและใช้เอกสารปลอมของผู้อื่นในการขอบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวอันเป็นการได้มาโดยมิชอบ ฟ้องโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 269/5 และ 269/6 ทั้งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวได้ เพราะเป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 269/1, 269/4, 269/7, 91 และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินรวม 314,411.21 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก, 269/1, 269/4 วรรคแรก ประกอบมาตรา 269/7 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม (ที่ถูก เพียงกระทงเดียว) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน ฐานปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมเพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนการชำระด้วยเงินสด เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์นั้น ให้ลงโทษฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมเพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนการชำระด้วยเงินสด (ที่ถูก เพียงกระทงเดียว) ตามมาตรา 269/4 วรรคสาม รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานใช้เอกสารปลอม จำคุกกระทงละ 3 เดือน ฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมเพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนการชำระด้วยเงินสด จำคุกกระทงละ 9 เดือน รวมจำคุก 24 เดือน ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 314,411.21 บาท แก่ผู้เสียหายนั้น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก, 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 269/1, 269/4 วรรคแรก ประกอบมาตรา 269/7 มิใช่ความผิดฐานใดฐานหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหายได้ จึงยกคำขอในส่วนนี้ และข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานใช้เอกสารปลอม รวมจำคุก 6 เดือน ข้อหาปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมเพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนการชำระด้วยเงินสดให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม 2 กระทง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมโดยให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือน ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอม รวมจำคุก 6 เดือน เท่ากับศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยในความผิดฐานใช้เอกสารปลอม 2 กระทง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5 และฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/6 นั้น เห็นว่า องค์ประกอบความผิดของบทบัญญัติดังกล่าวคือใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ แต่คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้บัตรเครดิตอันเป็นบัตรเครดิตปลอมอันเป็นเอกสารสิทธิและบัตรอิเล็กทรอนิกส์อันได้มาโดยมิชอบ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจึงมิใช่บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น แต่เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเลยได้มาจากการปลอมและใช้เอกสารปลอมของผู้อื่นในการขอบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวอันเป็นการได้มาโดยมิชอบ ฟ้องโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5 และ 269/6 ทั้งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวได้ เพราะเป็นการเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ส่วนที่จำเลยแก้ฎีกาของให้ศาลรอการลงโทษจำคุกหรือเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษปรับนั้นเป็นการขอให้ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งต้องกระทำโดยยื่นเป็นคำฟ้องฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิใช่ขอมาในคำแก้ฎีกา จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
พิพากษายืน