คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัท ด. ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 30 กันยายน 2548 ให้แก่จำเลยเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่ค้างชำระ แม้จำเลยจะมีสิทธิรับเช็คดังกล่าวและมีสิทธิที่จะเรียกเก็บเงินตามเช็คจากโจทก์ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของเช็คนั้นได้เมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดชำระก็ตาม แต่ปรากฏว่าศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัท ด. ในวันที่ 11 สิงหาคม 2548 อันเป็นวันก่อนที่เช็คนั้นถึงกำหนดชำระ เมื่อพิจารณา พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) ที่ห้ามลูกหนี้ชำระหนี้ มาตรา 90/26 และมาตรา 90/27 ที่ให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ ย่อมหมายความว่า เช็คพิพาทที่ลูกหนี้ออกชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งลงวันที่ล่วงหน้าถึงกำหนดชำระภายหลัง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ธนาคารตามเช็คต้องงดชำระหนี้ตามเช็คพิพาทตามบทกฎหมายดังกล่าว ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 992 (3) ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำเช็คพิพาทไปยื่นเป็นหลักฐานต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่ใช่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์ การที่โจทก์จ่ายเงินตามเช็คพิพาทให้แก่จำเลยไปจึงเป็นการจ่ายโดยผิดหลง การจ่ายเงินตามเช็คของโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) ที่ห้ามโจทก์ ลูกหนี้ชำระหนี้ ถือเป็นการจ่ายเงินตามเช็คโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เงินที่จำเลยได้รับไปจึงเป็นลาภมิควรได้ จำเลยต้องคืนเงินจำนวน 542,397.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 406

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 544,403.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 542,397.80 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 542,397.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2549 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549)ต้องไม่เกิน 2,006.13 บาท ตามที่โจทก์ขอ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า บริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) เป็นหนี้ค่าสินค้าที่ซื้อไปจากจำเลยเป็นเงินรวม 1,535,860.30 บาท ตามหนังสือขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 บริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักนานาเหนือ เลขที่ 0015309 จำนวนเงิน 542,397.80 บาท ลงวันที่ 30 กันยายน 2548 เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า โดยมีนายวินัย และนายภณ ลงลายมือชื่อในเช็คและประทับตราสำคัญของบริษัทตามเช็ค จำเลยนำเช็คดังกล่าวฝากเข้าบัญชีของจำเลยที่ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คจากโจทก์ โจทก์จ่ายเงินจำนวนตามเช็คให้แก่จำเลยแล้ว โดยหักออกจากบัญชีกระแสรายวันของบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2548 และมีคำสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2548 ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม 2548 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งบริษัทแอ็ดวานซ์ แพนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูของบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) มีหนังสือลงวันที่ 19 ตุลาคม 2548 แจ้งให้โจทก์คืนเงินจำนวนตามเช็ค ให้แก่บริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) เนื่องจากนายวินัย ผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อในเช็ค ตามหนังสือขอให้ชดใช้เงิน โจทก์คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) แล้วเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2548 ตามแคชเชียร์เช็คและใบรับฝากเงิน โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยคืนเงินจำนวนตามเช็คดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และใบตอบรับ แต่จำเลยไม่ชำระ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องคืนเงินจำนวน 542,397.80 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า บริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) สั่งจ่ายเช็ค ลงวันที่ 30 กันยายน 2548 ให้แก่จำเลยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ศาลล้มละลายกลางจะรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (9) และการที่โจทก์จ่ายเงินตามเช็ค ให้แก่จำเลยทั้งที่รู้ว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเกี่ยวกับผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อในเช็คของบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) จึงเป็นการจ่ายเงินตามอำเภอใจเหมือนหนึ่งว่าเพื่อชำระหนี้โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันต้องชำระ จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวคืน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 นั้น เห็นว่า บริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็ค ลงวันที่ 30 กันยายน 2548 ให้แก่จำเลยเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548 เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่ค้างชำระ แม้จำเลยจะมีสิทธิรับเช็คดังกล่าวและมีสิทธิที่จะเรียกเก็บเงินตามเช็คจากโจทก์ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของเช็คนั้นได้เมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดชำระก็ตาม แต่ปรากฏว่าศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 11 สิงหาคม 2548 อันเป็นวันก่อนที่เช็คนั้นถึงกำหนดชำระ เมื่อพิจารณาพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) ที่ห้ามลูกหนี้ชำระหนี้ มาตรา 90/26 และมาตรา 90/27 ที่ให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ย่อมหมายความว่า เช็คพิพาทที่ลูกหนี้ออกชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งลงวันที่ล่วงหน้าถึงกำหนดชำระภายหลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ธนาคารตามเช็คต้องงดชำระหนี้ตามเช็คพิพาท ตามบทกฎหมายดังกล่าว ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 992 (3) ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำเช็คพิพาทไปยื่นเป็นหลักฐานต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่ใช่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์ การที่โจทก์จ่ายเงินตามเช็คพิพาทให้แก่จำเลยไปจึงเป็นการจ่ายโดยผิดหลง การจ่ายเงินตามเช็คของโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) ที่ห้ามโจทก์ ลูกหนี้ชำระหนี้ ถือเป็นการจ่ายเงินตามเช็คโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เงินที่จำเลยได้รับไปจึงเป็นลาภมิควรได้ จำเลยต้องคืนเงินจำนวน 542,397.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share