คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่อยู่ในครัวเรือนของผู้อาศัยถือว่าเป็นบริวารของผู้อาศัย
ผู้อาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินถือว่าอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าของที่ดิน ฉะนั้นแม้จะครอบครองที่ดินมาช้านานเท่าใด ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ เว้นแต่จะได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่ดินนั้นแทนต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า นายโถบิดาโจทก์ได้ซื้อที่ดินจากผู้มีชื่อ 1 แปลง ได้ครอบครองโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมา 40 ปีแล้ว บิดาโจทก์ตายเมื่อ พ.ศ. 2484 ที่ดินนี้ตกได้แก่โจทก์ ๆครอบครองมาจนบัดนี้ ก่อนฟ้อง 3 เดือน จำเลยยื่นคำร้องต่อพนักงานที่ดินว่าที่ดินเป็นของจำเลย โจทก์จึงฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด เดิมเป็นของปู่โจทก์ ปู่โจทก์ตาย 40 ปีมานี้ ที่ดินตกมาเป็นของมารดาโจทก์เมื่อ 12 ปีมานี้ นายโถได้มาขออาศัยปลูกเรือนในที่พิพาทจากมารดาจำเลย ต่อมา พ.ศ. 2494 นายโถตาย โจทก์ซึ่งอาศัยอยู่กับนายโถได้ขออาศัยจากมารดาจำเลยอยู่ต่อมา พ.ศ. 2498 มารดาจำเลยตายที่พิพาทตกได้แก่จำเลย

ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทมา 14-15 ปี โดยมารดาจำเลยมิได้จัดการอย่างใดที่แสดงว่าหวงที่ดินไว้เป็นกรรมสิทธิ์โจทก์ครอบครองมาโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงได้กรรมสิทธิ์ พิพากษาขับไล่จำเลย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืนศาลอุทธรณ์โดยวินิจฉัยว่า นายโถเข้าไปปลูกเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาท โจทก์เข้าอยู่โดยมาได้บุตรสาวของนายโถและอยู่ร่วมกับนายโถ จึงนับว่าเป็นบริวารนายโถ ๆ ตายโจทก์อยู่ต่อมาการอยู่ของโจทก์ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนมารดาจำเลยแม้อยู่นานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ต้องบอกกล่าวไปยังมารดาจำเลยว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือที่ดินแทนมารดาจำเลยต่อไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381

Share