แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินที่ใช้วางท่อระบายน้ำทิ้งเป็นที่ดินของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการ ต่อสู้กรรมสิทธิ์ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า ใช้ที่ดินตรงที่วางท่อระบายน้ำทิ้งโดยเจตนาจะให้ได้ภาระจำยอม ฎีกาของจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง แม้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินบางส่วนในโฉนดเลขที่ 9856 จำเลยเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 118 ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกติดกับที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ทำท่อระบายน้ำจากหลังคาบ้านของจำเลย ปลายท่อระบายน้ำล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ที่โจทก์ปลูกบ้านอาศัยอยู่ น้ำฝนจากหลังคาบ้านของจำเลยไหลลงสู่ ท่อระบายน้ำเข้ามาในที่ดินและบ้านของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนอย่างยิ่ง ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอน ท่อระบายน้ำด้านทิศตะวันออกของที่ดินของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยทำด้วยประการใดเพื่อให้น้ำจากหลังคาบ้านของจำเลยไหลลงสู่ที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้โจทก์จัดการเอง โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 100 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนท่อระบายน้ำและ ไม่กระทำการใดที่ทำให้น้ำจากหลังคาบ้านของจำเลยไหลลงสู่ที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การ แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 9856 มีการแบ่งการครอบครองเป็นส่วนสัดโดย ส. น้าชายของจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงหมายเลข 1 ส่วน ป. มารดาของโจทก์เป็นผู้ครอบครองและ ปลูกบ้านบนที่ดินภายในกรอบเส้นสีเหลือง ตามแผนที่สังเขปท้ายคำให้การ เมื่อประมาณปี 2509 ถึง 2510 ทางราชการขยายถนนเพชรเกษมเข้ามาในที่ดินที่ ป. ครอบครอง ป. ขออนุญาต ส. ขยับบ้านของ ป. ปลูกล้ำเข้ามาในที่ดินของ ส. ต่อมา ส. ขายที่ดินที่ ส. ครอบครองให้จำเลย จำเลยปลูกบ้านเลขที่ 118 บนที่ดินและตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับ ป. โดย ป. ยกที่ดินส่วนเส้นสีเขียวเนื้อที่ประมาณ 2 ตารางวา ให้จำเลยเป็นทางเข้าออกและวางท่อระบายน้ำ จำเลยยกที่ดินส่วนเส้นสีแดงที่ ป. เข้ามาปลูกบ้านนั้น ให้ ป. เนื้อที่ 4 ตารางวา มีการทำหนังสือให้จำเลยยึดถือไว้ จำเลยฝังท่อระบายน้ำ ทั้งวาง ท่อประปาในที่ดินส่วนเส้นสีเขียวกับวางท่อระบายน้ำจากชายคาบ้านของจำเลยข้ามรั้วเข้ามาในที่ดินส่วนเส้นสีเขียวโดยสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ไม่มีผู้คัดค้านจนได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่ดินในส่วนเส้นสีเขียวในโฉนดเลขที่ 9856 เป็นของจำเลยโดยการครอบครองและห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนท่อระบายน้ำ และห้ามมิให้จำเลยกระทำด้วยประการใดเพื่อให้น้ำไหลจากหลังคาบ้านของจำเลยลงสู่ที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 9856 กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 100 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2540) จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนท่อระบายน้ำออกจากที่ดินของโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งในที่ดินของโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษา ถึงที่สุดแล้วว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินของโจทก์เป็นที่ดินของจำเลย มีบ้านเลขที่ 118 ตั้งอยู่ ปัจจุบันจำเลยขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 56101 แล้ว เดิมที่ดินของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 9856 เช่นเดียวกับที่ดินของโจทก์ จำเลยวางท่อระบายน้ำจากหลังคาบ้านจำเลยไปตามรั้วบ้านลงในที่ดินพิพาท เพื่อให้น้ำฝนไหลลงสู่คลองริมถนนเพชรเกษม ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความในการใช้ที่ดินตรงที่วางท่อระบายน้ำทิ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 นั้น เห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินที่ใช้วางท่อระบายน้ำทิ้งเป็นที่ดินของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการต่อสู้กรรมสิทธิ์ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าใช้ที่ดินตรงที่วางท่อระบายน้ำทิ้งโดยเจตนาจะให้ได้ภาระจำยอม ฎีกาของจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว โดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง แม้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.