คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยขอเพิกถอนการให้ เพราะจำเลยประพฤติเนรคุณโดยได้ด่าว่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ และขับไล่โจทก์จนต้องไปอยู่ที่อื่นได้รับความเดือดร้อนอดอยาก แม้คำด่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องจะเป็นการกล่าวคำหมิ่นประมาทซึ่งหน้าก็ตาม ศาลก็ควรฟังพยานหลักฐานแห่งพฤติการณ์ต่อไปเพราะการกระทำของจำเลยดั่งที่โจทก์อ้างเป็นข้อเท็จจริงในคำฟ้องนั้น อาจถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณตามความในมาตรา 531

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 แต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 โจทก์กับนายพริ้งสามีโจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสามแปลงให้แก่จำเลยที่ 1 ไปโดยเสน่หา และเมื่อประมาณ 5 ปีมานี้นายพริ้งตายลง ครั้นเดือน 6 ข้างแรมวันใดจำไม่ได้แน่ พ.ศ. 2492 จำเลยทั้งสองได้สมคบกันด่าว่า ขับไล่โจทก์ว่า อีห่าเย็ด อีดอกทองอีแก่ มึงจะไปอยู่ที่ไหนได้ก็ไป กูไม่ให้มึงอยู่กับกู และถ้อยคำหยาบอื่น ๆ อีกมาก โจทก์ทนไม่ไหว ต้องไปอาศัยอยู่กับผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนอดอยาก ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ยอมให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อร่วมในโฉนดนั้นด้วย จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนสัญญาให้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2351, 2415 และที่ดินสวนยาง ให้กลับเป็นของโจทก์

จำเลยต่อสู้ ในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประการแล้วขอให้ศาลชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น

ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้ว เห็นว่า คำกล่าวของจำเลยเป็นการกล่าวคำหมิ่นประมาท ซึ่งหน้าอันเป็นการไม่ร้ายแรงยังไม่เป็นการเนรคุณ และทั้งโจทก์ยังมีที่ดินอีก 5 ไร่ จึงไม่เป็นคนยากไร้แม้โจทก์จะสืบพยานไปจนสิ้นกระแสความ ก็ไม่มีทางจะชนะคดีได้พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาสืบพยานแล้ว พิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยดังที่โจทก์อ้างเป็นข้อเท็จจริง ในคำฟ้องนั้น อาจถือว่าเป็นการประพฤติเนรคุณตามความในมาตรา 531 ศาลควรฟังพยานหลักฐานแห่งพฤติการณ์ต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป และพิพากษาใหม่นั้นชอบแล้วให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share