คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตายจนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคู แล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีก แล้วเอาผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนา และบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกันซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิได้กระทำการอันแสดงถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษ จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูกๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุจำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

ย่อยาว

คดีทั้งสองมูลกรณีเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณา

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายละม่อมเหรา โดยเจตนาฆ่าให้ตาย โดยไตร่ตรอง ทรมาน หรือโดยทารุณโหดร้าย นายละม่อมได้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 83

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่าฆ่าโดยเจตนา แต่ไม่ได้ทำโดยไตร่ตรองหรือทารุณโหดร้าย

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันฆ่านายละม่อมโดยเจตนาและโดยการกระทำทารุณโหดร้าย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นายโพจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 นางระเบียบจำเลยให้ความสะดวกแก่นายโพจำเลยในการฆ่านายละม่อม จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 86 ลดรับสารภาพ คงจำคุกนายโพตลอดชีวิต จำคุกนางระเบียบ 16 ปี

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายโพจำเลยได้ลอบทำชู้กับนางระเบียบภรรยาผู้ตายก่อนเกิดเหตุ และในวันเกิดเหตุนายโพลอบไปหานางระเบียบในขณะผู้ตายไม่อยู่ โดยไปคุยกันที่ในสวนหลังบ้าน ตอนใกล้เที่ยงผู้ตายกลับไปรับประทานอาหารที่บ้าน เมื่อไม่เห็นนางระเบียบก็สอบถามลูก ๆ ลูก ๆ บอกว่านางระเบียบเข้าไปในสวน ผู้ตายก็ตามไปในสวนไปพบนางระเบียบกับนายโพกำลังนั่งคุยกันอยู่ในสวน ผู้ตายได้เรียกให้นางระเบียบกลับบ้าน พอนางระเบียบขึ้นไปบนเรือนก็เกิดโต้เถียงกันผู้ตายได้ทุบตีนางระเบียบ ๆ ได้วิ่งหนีลงจากเรือนและร้องขอให้นายโพซึ่งยืนอยู่ที่ลาดสะพานหน้าบ้านช่วย ผู้ตายลงจากเรือนไล่ตามนางระเบียบมาประจันหน้ากับนายโพที่ลาดสะพาน นายโพยกมือไหว้ผู้ตายและพูดว่า “เป็นความผิดของผมเอง” ผู้ตายได้ชกนายโพแล้วเกิดกอดปล้ำต่อสู้กันนายโพร่างกายใหญ่กว่าผู้ตาย ได้พาผู้ตายไปกดไว้กับเสาไม้จริงข้างบ้านและเอามือรัดคอผู้ตายจนผู้ตายล้มพับลง นายโพได้ผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคูตื้น ๆ ซึ่งอยู่ข้างเสานั้นเอง แล้วนายโพเอามือบีบคอผู้ตาย ขณะนี้นางระเบียบจำเลยยืนดูอยู่และพวกลูก ๆ ก็ยืนดู ผู้ตายได้ร้องขอให้ไปเอาปืนมา แต่ไม่มีใครไปเอามาให้ นางระเบียบไล่ลูก ๆ ให้ออกไป และกำชับลูกไม่ให้ไปบอกใครลูกจึงไม่กล้าวิ่งไปบอกใคร ขณะนี้เองนางน้อยเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้วิ่งไปที่บ้านผู้ตายนางระเบียบได้วิ่งมารับหน้าและพูดว่าอย่ามายุ่ง ผัวเมียเขาตีกันไม่ใช่ธุระของนางน้อย นางน้อยเลยกลับไป เมื่อนายโพบีบคอผู้ตายแล้วได้อุ้มผู้ตายไปโยนลงที่คันนา แล้วบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักและขาดใจตาย นายโพได้เอาผ้าขาวม้าผูกคอผู้ตายแขวนไว้กับต้นมะม่วงเพื่อจะอำพรางผู้พบเห็นให้เข้าใจว่าผู้ตายผูกคอตายเอง นายโพกับนางระเบียบมานั่งปรึกษากันประมาณ 3 นาที แล้วนายโพก็จากไปนางระเบียบได้ทำน้ำมนต์ให้ลูก ๆ อาบทั้งสามคนต่อมานายมนูญบุตรคนที่ 2 กลับบ้าน นางระเบียบใช้ให้ขับรถพานางระเบียบไปแจ้งกำนันนางระเบียบไปแจ้งว่าทะเลาะกับผู้ตาย ถูกผู้ตายทุบตีจะขอหย่าในเย็นวันนั้นเอง นายมนูญค้นหาผู้ตายจึงไปพบผู้ตายถูกแขวนคออยู่กับต้นมะม่วง เมื่อพนักงานสอบสวนมาชันสูตรพลิกศพ นางระเบียบแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า ผู้ตายผูกคอตายเอง ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ศาลฎีกาเห็นว่าการที่นายโพเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตาย จนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคูแล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีกแล้วเอาศพผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนาและบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตายนั้น เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกันซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิได้กระทำการจักถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษแต่อย่างใด กรณีนี้จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)ดังที่โจทก์ฎีกา

คงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า นางระเบียบได้กระทำการให้ความสะดวกในการที่นายโพกระทำการฆ่าผู้ตายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าในเบื้องต้นนางระเบียบได้ร้องขอให้นายโพช่วย เมื่อนายโพเอาผู้ตายไปรัดกับเสาไม้จริงและรัดคอผู้ตายจนผู้ตายล้มฟุบลงแล้วนายโพได้ผลักผู้ตายลงไปในคูและเข้าไปนั่งคร่อมบีบคอผู้ตายนางระเบียบก็มิได้เข้าขัดขวางการกระทำของนายโพแต่อย่างใด แสดงว่านางระเบียบรู้เห็นเป็นใจให้นายโพทำร้ายผู้ตายตามความประสงค์ของตนที่ร้องขอความช่วยเหลือนั่นเองเมื่อลูก ๆ เข้าไปยังที่เกิดเหตุ นางระเบียบกลับไล่ลูกให้ออกไปทั้งยังกำชับลูกในขณะนายโพกำลังทำร้ายผู้ตายไม่ให้ไปบอกใครด้วย ลูกจึงไม่กล้าไปบอกใคร เช่นนี้ จึงเห็นได้ว่าการที่นางระเบียบไล่ลูกให้ออกไปก็ดี และการที่กำชับลูกมิให้ไปบอกใครในขณะนายโพทำร้ายร่างกายผู้ตายก็ดี เป็นการกระทำเพื่อให้ความสะดวกในการที่นายโพจะทำร้ายผู้ตายนั่นเอง ครั้นเมื่อนางน้อยวิ่งจะเข้าไปยังที่เกิดเหตุ นางระเบียบก็วิ่งออกไปรับหน้าเสแสร้งห้ามมิให้นางน้อยเข้าไป โดยอ้างว่าผัวเมียเขาตีกัน มิใช่ธุระของนางน้อย ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นนายโพกำลังทำร้ายผู้ตาย มิใช่ผัวเมียตีกันจึงเล็งเห็นเจตนาของนางระเบียบได้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อผู้ตายขาดใจตายแล้ว นางระเบียบก็ร่วมมือกับนายโพเอาผ้าข้าวม้าผูกคอผู้ตายไปแขวนไว้กับต้นมะม่วง แล้วไปแจ้งความต่อกำนันว่าทะเลาะกับผู้ตายถูกผู้ตายทุบตีจะขอหย่ากับผู้ตายโดยประสงค์จะอำพรางให้ผู้พบเห็นเข้าใจว่าผู้ตายเกิดความเสียใจเลยผูกคอตายเอง ดังนี้แสดงให้เห็นว่านางระเบียบได้ร่วมมือกับนายโพโดยความตั้งใจ และแสดงให้เห็นว่าการกระทำของนางระเบียบดังกล่าวข้างต้นนั้นกระทำโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้นายโพฆ่าผู้ตายได้โดยไม่ต้องถูกขัดขวาง การกระทำของนางระเบียบเป็นการกระทำเพื่อให้ความสะดวกในการที่นายโพฆ่าผู้ตาย นางระเบียบจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share