แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ประกอบการค้าในสวนลุมพินีต่อไปอีก 30 ปี และจำเลยที่ 1 ตกลงจะสร้าง อาคารใหม่ขึ้นอีก 1 แห่ง แต่ขณะนั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีเงิน เพียงพอ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงให้ผู้ร้องเป็นผู้ลงทุน ก่อสร้างอาคารให้โจทก์ เช่นนี้ต้องถือว่าผู้ร้องสร้างอาคารพิพาท โดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะยินยอมให้ผู้ร้องประกอบการค้าในอาคารที่ก่อสร้างได้ แต่ก็เป็นการเข้าไปอยู่ในอาคารและที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1และที่ 2 ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะบริวารไม่ใช่ผู้มีอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา (3)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยที่ 1 ที่ 2และบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคาร ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกา มีผลให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ต้องออกไปจากอาคารและที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศขับไล่จำเลยที่ 1 ที่ 2และบริวารแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าอาหารอยู่ในบริเวณสวนลุมพินีต่อมาโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีเรื่องฟ้องร้องและตกลงประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1ประกอบการค้าในสวนลุมพินีต่อไปได้อีก 30 ปี จนถึงสิ้นปี 2549และจำเลยที่ 1 ตกลงจะสร้างอาคารใหม่ขึ้นอีก 1 แห่ง ขณะนั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินเพียงพอ จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงให้นายจิรวัฒน์ จตุรงคเวทย์ ผู้รับมอบอำนาจของผู้ร้องกับจำเลยที่ 2หาทุนเพื่อก่อสร้างอาคารให้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2ยอมให้นายจิรวัฒน์ทำการค้าในอาคารที่ก่อสร้างและเป็นผู้เช่ากับโจทก์ เมื่อก่อสร้างอาคารเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เช่าได้เนื่องจากข้อตกลงที่จะสร้างอาคารนั้นเป็นข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ แต่โจทก์ยินยอมให้นายจิรวัฒน์กับพวกประกอบการค้าในอาคารที่ก่อสร้างได้นายจิรวัฒน์กับพวกจึงประกอบการขายอาหารเครื่องดื่มในอาคารที่ก่อสร้างคืออาคารและที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ปี 2521 จำเลยที่ 1ไม่เคยประกอบการค้าหรืออยู่ในอาคารและที่ดินพิพาทเลย ผู้ร้องจึงมิใช่บริวารของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เมื่อผู้ร้องเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างอาคารพิพาทให้โจทก์เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จะได้เช่าอยู่ถึงปี 2549 ผู้ร้องจึงมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในอาคารและที่ดินพิพาทได้ ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องมีสิทธิอยู่ในอาคารและที่ดินพิพาทได้จนถึงสิ้นปี 2549
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้ออ้างตามคำร้องมิได้แสดงถึงอำนาจพิเศษแต่อย่างใด การประกอบการค้าของผู้ร้องเป็นการอาศัยสิทธิของจำเลย ต้องถือว่าผู้ร้องเป็นบริวาร จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้ออ้างตามคำร้อง ของ ผู้ร้องที่ว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ประกอบการค้าในสวนลุมพินีต่อไปอีก30 ปี และจำเลยที่ 1 ตกลงจะสร้างอาคารใหม่ขึ้นอีก 1 แห่งแต่ขณะนั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินเพียงพอ จำเลยที่ 1 และที่ 2จึงให้ผู้ร้องเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างอาคารให้โจทก์ เช่นนี้ต้องถือว่าผู้ร้องสร้างอาคารพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1แม้โจทก์จะยินยอมให้ผู้ร้องประกอบการค้าในอาคารที่ก่อสร้างได้ก็ตาม แต่ผู้ร้องก็เข้าไปอยู่ในอาคารและที่ดินพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะบริวารไม่ใช่ผู้มีอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 จัตวา (3) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ผู้ร้องอ้างไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน