คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นน้องเจ้ามรดก ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงยกอายุความ 1 ปีขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของเจ้ามรดกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1755
ที่นาพิพาทเป็นทรัพย์ของเจ้ามรดกตกทอดได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุตรกับมารดาเจ้ามรดก โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ มารดาโจทก์ไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับที่พิพาทได้โดยพลการ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 สัญญาประนีประนอมยอมความ ส.กับมารดาโจทก์ทำไว้ไม่มีผลบังคับแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแบ่งที่นาพิพาทออกเป็น ๔ ส่วน ให้โจทก์สามคนได้คนละส่วน ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านาพิพาทเป็นของนายสายทองซึ่งเป็นบิดาของโจทก์ทั้งสาม ทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกของนายสายทองคงมีแต่โจทก์ทั้งสามกับนางโหง่นมารดานายสายทอง จำเลยซึ่งเป็น้องชายนายสาทองซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมในลำดับถัดไปไม่สิทธิในทรัพย์มรดกผู้ตาย จึงยกอายุความ ๑ ปีขึ้นต่อสู้ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๕ และศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ที่นาพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสายทองผู้ตาย ตกทอดได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทกับนางโหง่น โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เยาว์ นางสาวสมนึกและนางทมมารดาโจทก์ไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่อำเภอตามเอกสารหมาย จ.๑ โดยพลการ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔๖ บัญญัติว่า สัญญาประนีประนอมความอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินของเด็ก ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำไม่ได้ เว้นแต่ศาลอนุญาต ด้วยเหตุนี้สัญญาประนีประนอมยอมความนางสาวสมนึกและนางทมมารดาโจทก์ทำไว้ จึงไม่มีผลที่จะบังคับแต่โจทก์ได้
พิพากษายืน

Share