แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2492 และถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครใต้ ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2492 ให้ยกฟ้อง อ้างว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์ได้ โจทก์และจำเลยได้ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2493 โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาเมื่อวันที่13 พฤษภาคม 2498 จากวันที่ 16 ตุลาคม 2493 ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2498 ยังไม่ล่วงพ้นกำหนด5 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะระหว่างที่จำเลยยังอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้อยู่นั้น ต้องถือว่าคดีที่จำเลยถูกฟ้องนี้ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 79 ถือว่าอายุความยังสะดุดหยุดอยู่ตลอดมาจนถึงวันที่จำเลยได้ฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ คือ วันที่ 16 ตุลาคม 2493 ที่อนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่17/2503)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือสำคัญในราชการและฉ้อโกง ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222,223, 224, 225, 304 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญาพ.ศ. 2497 (ฉบับที่ 5) มาตรา 3 ขอให้คืนของกลางให้แก่เจ้าทรัพย์และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 298,903 บาท 92 สตางค์ แก่ผู้เสียหาย
จำเลยปฏิเสธและว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณากับคดีที่นายวิเชียรเป็นจำเลยมีมีใจความในฟ้องเช่นเดียวกับนายสนั่น จำเลยถูกฟ้อง เพราะเป็นกรณีเรื่องเดียวกัน แต่จับจำเลยได้คนละคราวแล้ววินิจฉัยว่าหลักฐานโจทก์ไม่มั่นคงพอที่จะชี้ขาดลงโทษจำเลยทั้งสองสำนวนตามฟ้องและเห็นว่าคดีเฉพาะนายสนั่นจำเลยนี้ ขาดอายุความฟ้องร้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองทำผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 แต่คดีเฉพาะนายสนั่นจำเลยนี้ขาดอายุความฟ้องร้อง จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นว่าให้จำคุกนายวิเชียรจำเลย 2 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 กับให้คืนผ้าดิบหรือใช้ราคา298,903 บาท 92 สตางค์ แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า คดีเฉพาะนายสนั่นจำเลยไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังว่า นายสนั่นจำเลยต้องหาว่าได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2492 และได้มีการยื่นฟ้องนายสนั่นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นต่อศาลแขวงพระนครใต้เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2492 ดังนั้น นับแต่วันกระทำผิดจนถึงวันนายสนั่นถูกฟ้องต่อศาลจึงอยู่ภายในกำหนดอายุความ 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78(3) เพราะความผิดฐานฉ้อโกงตาม มาตรา 304 แห่งกฎหมายลักษณะอาญามีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเพียง 3 ปี แต่เรื่องนี้ศาลแขวงพระนครใต้ได้พิพากษายกฟ้อง อ้างว่าคดีเกินอำนาจเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2492 นายสนั่นจำเลยกับพวกอุทธรณ์อ้างว่า ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ และคดีเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่จะได้มีการพิจารณาพิพากษาในศาลแขวง แต่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นายสนั่นจำเลยได้ร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีได้ และในคำพิพากษานี้ได้อนุญาตให้นายสนั่นจำเลยถอนฟ้องอุทธรณ์ได้ นายสนั่นจำเลยและโจทก์ได้ฟังคำพิพากษาและคำสั่งศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2493 ครั้นวันที่ 13 พฤษภาคม 2498 โจทก์จึงยื่นฟ้องนายสนั่นจำเลยต่อศาลอาญา ศาลอาญาพิพากษาว่า นับแต่วันที่ศาลแพ่งพิพากษาคดีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2492 มาจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2498 คดีโจทก์เกิน 5 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ปัญหาข้อวินิจฉัยมีว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่
ศาลฎีกาได้มีมติโดยที่ประชุมใหญ่ว่า เรื่องนี้ แม้ศาลแขวงพระนครใต้จะได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในวันที่ 29 ธันวาคม 2492 แล้วก็ดี แต่นายสนั่นจำเลยยังอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้อยู่ ดังนั้น ต้องถือว่า คดีที่นายสนั่นจำเลยถูกฟ้องนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ซึ่งตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 79 ถือว่าอายุความยังสะดุดหยุดอยู่ตลอดมาจนถึงวันที่นายสนั่นจำเลยได้ฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ คือวันที่ 16 ตุลาคม 2493 อนุญาตให้นายสนั่นจำเลยถอนอุทธรณ์ได้ ฉะนั้น ตามนัยแห่งกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 79 และ 85 ตั้งแต่วันที่โจทก์และนายสนั่นจำเลยได้ฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ คือวันที่ 16 ตุลาคม 2493มาจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2498 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนายสนั่นจำเลยต่อศาลอาญา จึงยังหาล่วงพ้นกำหนดเวลา 5 ปี ไม่คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่า นายสนั่นจำเลยนี้ได้สมคบกับนายวิเชียรกระทำผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304 ควรได้รับโทษเช่นเดียวกับนายวิเชียร จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกนายสนั่นจำเลย 2 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 และให้นายสนั่นจำเลยร่วมกับนายวิเชียรคืนหรือใช้ราคาผ้าดิบ 298,903 บาท 92 สตางค์ แก่ผู้เสียหาย