คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลามแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านมิให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดำเนินการให้มีคณะกรรมการประจำสุเหร่าทั้งไม่มีอำนาจขัดขวางในกรณีอิหม่ามคอเต็บและนิหลั่นขอจดทะเบียนมัสยิดหรือสุเหร่าตาม พ.ร.บ.มัสยิดอิสลามและเมื่อมัสยิดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้

ย่อยาว

ฟ้องว่าโจทก์เป็นทรัสตีหรือผู้พิทักษ์มีสิทธิและหน้าที่ดูแลจัดการทรัสต์มัสยิด “อัสสละพิยะฮ์” ซึ่งนายอี.เอช.โจอังกุเลียทำหนังสือยกที่ดินโฉนดที่ ๑๕๘๒ ให้เป็นทรัสต์กับสร้างมัสยิดไว้สักการะบูชา ส่วนที่เหลือให้จัดหาผลประโยชน์บำรุงมัสยิด ทำบุญทำทาน ให้ทรัสตีหรือทายาทถือไว้ใช้ในทรัสต์ โดยตั้งนางชุ่ม นายโมหะเม็ด นายฮัซซันนและนายยาโกฮัดอาลีบายเป็นทรัสตีจัดการทรัสตีที่ตั้งไว้ ใครตายคนที่ยังอยู่ก็ได้แต่งตั้งทรัสตีคนใหม่สืบแทนมาถึงโจทก์ เมื่อ ๒๑ ก.พ.๙๙ จำเลยที่ ๒ ในตำแหน่งจุฬาราชมนตรีและประธานกับจำเลยที่ ๓ ถึง ๖ กรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนคร ได้ตั้งกรรมการมัสยิดขึ้นตามบัญชีรายชื่ออิหม่าม คอเต็บ บิหลั่นและจำนวนกรรมการบัญชีท้ายฟ้องโดยไม่มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ เพราะการแต่งตั้งนี้ โจทก์เท่านั้นมีสิทธิที่จะทำได้ จำเลยที่ ๑ ในหน้าที่ราชการยังรับจดทะเบียนมัสยิดโดยไม่รับคำคัดค้านของโจทก์ซึ่งไม่ประสงค์ให้จดทะเบียน จึงขอให้เพิกถอนคำสั่งจำเลยที่ ๑ และเพิกถอนการแต่งตั้งอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และกรรมการ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่กรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนคร จึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการมัสยิดและขอให้เพิกถอน การกระทำของจำเลยสุจริตชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ ๒ ถึง ๖ ให้การว่า ไม่รับรองว่าโจทก์เป็นทรัสตี โจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินกิจการมัสยิด การแต่งตั้งตลอดการจดทะเบียน ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้สืบพยาน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่โจทก์ขอให้สืบพยานประกอบ ฟังได้ว่า เป็นการตั้งทรัสต์ในที่ดินแปลงอื่น ไม่ได้รวมที่ดินโฉนด ๑๕๘๒ อันเป็นที่ตั้งมัสยิดที่พิพาทกันนี้ด้วย เมื่อใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลาม พ.ศ.๒๔๘๘ และมีคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครตามพระราชกฤษฎีกานี้แล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านมิให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดำเนินการให้มีคณะกรรมการประจำสุเหร่าได้ และไม่มีอำนาจขัดขวางในกรณีอิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่น ขอจดทะเบียนมัสยิดหรือสุเหร่าตาม พ.ร.บ.มัสยิด พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๖ เมื่อมัสยิดได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องแล้ว ก็ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้ เหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานอีก เพราะถึงอย่างไรก็มิอาจฟังข้อเท็จจริงให้ผิดแผกแตกต่างไปจากหลักฐานอันเป็นหนังสือซึ่งโจทก์แสดงแล้วนี้ได้ พิพากษายืน

Share