คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น หมายความว่าคดีส่วนอาญาได้ถึงที่สุดแล้วและจำเลยในคดีแพ่งก็ต้องเป็นจำเลยรายเดียวกันกับจำเลยในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้นด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่านายเจริญกับพวกจำเลยฆ่านายประเวศตาย นายเจริญจำเลยกับพวกฎีการะหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายเจริญจำเลยตาย คดีส่วนตัวนายเจริญจำเลยเป็นอันระงับไป เมื่อมารดาและบุตรของนายประเวศผู้ตายฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานนายเจริญจำเลยละเมิดเช่นนี้ ข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งยังฟังลงไปทีเดียวไม่ได้ว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังมา เพราะคดีอาญานั้นยังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาอาจฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นก็ได้ เมื่อเช่นนี้ ข้อเท็จจริงในข้อว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศอันจะถือตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ไม่มี ศาลจะพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ผู้รับมรดกความของนายเจริญจำเลยรับผิดฐานละเมิดไปเลยทีเดียวยังไม่ได้ต้องให้คู่ความในคดีแพ่ง นำสืบข้อเท็จจริงเช่นว่านี้กันไป
คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในคดีอาญาว่านายบุญเราและนายมินทร์(ซึ่งไม่ได้เป็นจำเลยในคดีอาญานั้นด้วยเลย) มีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศ ต่อมามารดาและบุตรนายประเวศผู้ตายได้เป็นโจทก์ฟ้องนายบุญเราและนายมินทร์เป็นจำเลยในคดีแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดเช่นนี้ศาลจะรับฟังข้อวินิจฉัยส่วนอาญาดังกล่าวแล้วของศาลชั้นต้นมาเป็นข้อเท็จจริงอันจะถือตามในคดีแพ่งนี้หาได้ไม่ เพราะนายบุญเราและนายมินทร์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาดังกล่าวนั้น

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ทั้ง ๒ สำนวนฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกันจ้างวานนายรส นายตี๋ นายทองคำ ซึ่งได้ถูกต้องเป็นคดีอาญาแล้ว ใช้ปืนฆ่านายประเวศ โดยนายบุญเรากับนายมินทร์ จำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าจ้าง และนายเจริญ กับนายอ้วนจำเลยร่วมกันเป็นธุระจัดหาจ้างวานนายรสกับพวกมือปืนมาทำการฆ่านายประเวศ สำหรับนายบุญเรา นายมินทร์และนายอ้วน จำเลยไม่ถูกฟ้องคดีอาญา การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิด นางสาโจทก์เป็นมารดาผู้ตาย นางจันทร์สวยเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ ด.ญ.ยุพิน บุตรผู้ตาย โจทก์ทั้ง ๒ สำนวนจึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย
จำเลยทุกคนปฏิเสธ
ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะนายอ้วนจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่นางสาโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท กับค่าสินไหมทดแทนแก่นางจันทร์สวยเพื่อ ด.ญ.ยุพินโจทก์ ๙,๙๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นเฉพาะที่ให้ค่าสินไหมทดแทนแก่นางสาโจทก์เพื่อการเสียสุขภาพอนามัย ๕,๐๐๐ บาท เป็นให้ยกคำขอข้อนี้ นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วปรากฎว่าจำเลยในคดีแพ่งนี้ มีนายเจริญจำเลยคนเดียวที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับคนอื่นในคดีอาญาแดงที่ ๔๓๓-๔๓๔/๒๔๙๗ ของศาลชั้นต้น ในคดีอาญาเรื่องนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านายเจริญจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๕๐(๓),๖๔ ให้ลงโทษประหารชีวิต นายเจริญจำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายเจริญจำเลยตาย คดีส่วนตัวนายเจริญจำเลยจึงเป็นอันระงับไป มีปัญหาว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ข้อเท็จจริงในข้อหาคดีอาญาว่านายเจริญจำเลยสมคบกับพวกฆ่านายประเวศนั้น จะรับฟังตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๔๖ อย่างไร
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อนายเจริญจำเลยตาย เป็นผลให้คดีอาญาส่วนของนายเจริญจำเลยเป็นอันระงับไปเช่นนี้ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังมานั้น เพราะคดีอาญานั้นยังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาอาจฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นก็ได้ เมื่อเช่นนี้ข้อเท็จจริงในข้อว่านายเจริญจำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศอันจะถือตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ไม่มี ศาลจะพิพากษาในคดีส่วนแพ่ง ให้นายเจริญจำเลยรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์ไม่ได้ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่ให้โจทก์นำสืบในประเด็นที่เกี่ยวกับนายเจริญจำเลยเป็นผู้ทำละเมิด เพราะจะถือเอาตามข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่นายเจริญถูกฟ้อง โจทก์จึงมิได้นำสืบในประเด็นข้อนี้ จึงควรให้โจทก์ได้มีโอกาสนำสืบใหม่ในข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้
คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๓๓-๔๓๔/๒๔๙๗ ว่า นายบุญเราและนายมินทร์(จำเลยในคดีแพ่งแต่ไม่ได้เป็นจำเลยในคดีอาญา) มีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศนั้น จะรับฟังเป็นข้อเท็จจริงจะถือตามในคดีแพ่งนี้หาได้ไม่ เพราะนายบุญเราและนายมินทร์จำเลยไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาดังกล่าวนั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่สมฟ้องในข้อหาว่านายบุญเราและนายมินทร์จำเลยมีส่วนร่วมในการฆ่านายประเวศอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามฟ้อง
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับนายบุญเราและนายมินทร์จำเลย เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ คดีสำหรับนายเจริญจำเลยนั้นให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share