คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคู่กรณีมีเจตนาจะจ่ายให้เป็นเงินล่วงหน้า แต่เมื่อรับเงินทำกันเป็นเงินกู้ดังนี้ เป็๋นิติกรรมอำพราง ต้องถือตามเจตนาที่แท้จริงว่าเป็นการจ่ายเงินล่วงหน้า เงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับจ้างเป็นเงินล่วงหน้าไปนั้นจะคิดดอกเบี้ยด้วยไม่ได้ การที่ลูกหนี้ส่งมอบทรัพย์ให้แก่เจ้าหนี้ผิดจากสถานที่ ๆกำหนดไว้ในสัญญาแลเจ้าหนี้ก็ยอมรับมอบทรัพย์ตามนั้นเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นการยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นแทนตามมาตรา 321

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยจ้างโจทก์ชักลากไม้ขอนสักในป่าส่งให้จำเลยที่ลำน้ำเมย โจทก์ได้ชักลากไม้ขอนสักส่งให้จำเลยที่น้ำแม่ละเมาโดยจำเลยยอมรับไม้เหล่านั้นที่แม่ละเมาจำเลยได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้โจทก์ไป ๑๖๑๙๐ รูเปีย กับค่าภาคหลวง จำเลยได้รับไม้ไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินค่าจ้างที่ค้างอยู่จากจำเลย
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาต้องกันให้จำเลยใช้เงินที่ค้างแก่โจทก์ ๓๐๙๐๔ บาท ๙๕ สตางค์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตาม โดยวินิจฉัยว่าการที่จำเลยยอมรับไม้ที่น้ำแม่ละเมาแลได้รับเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ย่อมเป็นการยอมชำระหนี้อย่างอื่นแทนตามประมวลแพ่งฯ ม.๓๒๑ ส่วนเรื่องเงินราย ๑๖๑๙๐ รูเปียที่จำเลยเป็นเงินล่วงหน้าแก่โจทก์นั้น ปรากฎใบรับเงินรายนี้ได้เขียนเป็นหนังสือกู้ไว้ จึงต้องถือว่าคู่กรณีมีเจตนาจะจ่ายเงินล่วงหน้า แต่เมื่อรับเงินนั้นเขียนอำพรางไว้ในใบรับว่ากู้จึงเป็นนิติกรรมอำพรางตาม ม.๑๑๘ วรรค ๒ ศาลต้องบังคับตามเจตนาอันแท้จริง ถือเป็นการจ่ายเงินล่วงหน้า เห็นว่าเงินล่วงหน้ารายนี้กับเงินค่าภาคหลวงที่จำเลยจ่ายให้โจทก์ไป จำเลยจะเรียกดอกเบี้ยด้วยไม่ได้

Share