คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เช่าซื้อเรือประมงจากโจทก์ ในวันทำสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่ 2 มอบเช็คพิพาทซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังให้โจทก์เพื่อชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา เช็คดังกล่าวถือได้ว่าเป็นค่าเช่าซื้อเรือที่โจทก์ได้รับชำระไว้แล้วโดยจำเลยที่ 2 ชำระด้วยเช็คแทนเงิน มิใช่เป็นค่าเช่าซื้อที่โจทก์ยังไม่ได้รับและจำเลยที่ 2 ยังค้างชำระ ดังนั้น เมื่อเช็คพิพาทขึ้นเงินไม่ได้และแม้ว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วโดยปริยาย โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คนั้นได้ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สลักหลังต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเจริญผลซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้รวม 2 ฉบับ เมื่อถึงกำหนดเบิกเงินตามเช็ค โจทก์นำเงิน 2 ฉบับดังกล่าวเข้าบัญชีธนาคาร เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับดังกล่าวโดยอ้างว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่าย ปรากฏตามภาพถ่ายเช็คและใบคืนเช็คท้ายฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็ค 87,000 บาท และดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 6,253 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี จากต้นเงิน87,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็ค 2 ฉบับตามฟ้องจริง แต่เช็ค 2 ฉบับดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ออกให้แก่โจทก์เพื่อชำระค่าเช่า (ความจริงชำระค่าเช่าซื้อ) เรือประมงไทย กท.ปราณีสมุทร ซึ่งจำเลยที่ 2เป็นผู้เช่าซื้อและโจทก์เป็นผู้ให้เช่าซื้อ ปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือสัญญาเช่าซื้อท้ายคำให้การจำเลย เมื่อเช่าซื้อแล้ว โจทก์กลับจะเรียกร้องเอาค่าเช่าซื้อเพิ่มขึ้นจำเลยที่ 2 ไม่ตกลง โจทก์จึงเข้าครอบครองยึดเรือที่เช่าซื้อกลับคืนไป จำเลยที่ 2จึงบอกให้จำเลยที่ 1 แจ้งธนาคารให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับดังกล่าวเช็ค 2 ฉบับดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยจ่ายให้ เป็นค่าเช่าซื้อเรือประมงเมื่อโจทก์เข้าครอบครองเรือประมงคือไปแล้ว เช็ค 2 ฉบับ ดังกล่าวจึงเป็นเช็คค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจากจำเลย เช็ค 2 ฉบับดังกล่าวไม่มีมูลหนี้ต่อกัน จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็ค 87,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม2517 จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็ค พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกาขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2517 จำเลยที่ 2 เช่าซื้อเรือประมงไทย ก.ท.ปราณีสมุทรจากโจทก์ในราคา 250,000 บาท ในวันทำสัญญาจำเลยที่ 2 ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ 100,000 บาท โดยชำระด้วยเงินสด13,000 บาท และชำระด้วยเช็ค 2 ฉบับ ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2เป็นผู้สลักหลัง คือเช็คตามเอกสารหมาย จ.1 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2517 เงิน37,000 บาท และเช็คตามเอกสารหมาย จ.2 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2517 เงิน50,000 บาท เงินค่าเช่าซื้อที่เหลืออีก 150,000 บาท จำเลยที่ 2 จะผ่อนชำระ3 เดือน ๆ ละ 50,000 บาท ปรากฏตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ล.1เมื่อเช็คทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวถึงกำหนด โจทก์นำเช็คตามเอกสารหมาย จ.1 และจ.2 ไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินจากธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะจำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว

วินิจฉัยว่า ปรากฏว่าเช็ค 2 ฉบับตามฟ้องเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง แล้วจำเลยที่ 2 มอบให้โจทก์เพื่อชำระค่าเช่าซื้อเรือประมงไทย ก.ท.ปราณีสมุทรในวันทำสัญญาเช่าซื้อตามที่ระบุไว้ในข้อ 2แห่งหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ล.1 การที่จำเลยที่ 2 มอบเช็คให้โจทก์จึงเป็นการมอบเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ผิดสัญญา จำเลยที่ 2ไม่มีสิทธิสั่งให้จำเลยที่ 1 สั่งธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คและจำเลยที่ 1ก็ไม่มีสิทธิสั่งธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สลักหลังจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค 2 ฉบับตามฟ้องให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914 ประกอบด้วยมาตรา 989การที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกันตามข้อ 2 แห่งสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ล.1ว่า หากโจทก์รับเงินตามเช็ค 2 ฉบับที่จำเลยที่ 2 ชำระค่าเช่าซื้อเรือให้โจทก์ ในวันทำสัญญาไม่ได้ โจทก์มีสิทธิยึดหน่วงเข้าครอบครองเรือที่เช่าซื้อได้ทันที และมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่รับไว้แล้วทั้งหมดได้นั้น มิใช่เป็นข้อตกลงที่บังคับว่าหากโจทก์รับเงินตามเช็ค 2 ฉบับที่จำเลยที่ 2 ชำระค่าเช่าซื้อเรือให้โจทก์ในวันทำสัญญาไม่ได้ โจทก์จะต้องเลิกสัญญา โดยใช้สิทธิยึดหน่วงเข้าครอบครองเรือที่เช่าซื้อทันทีและริบเงินค่าเช่าซื้อที่รับไว้แล้วทั้งหมด ข้อตกลงดังกล่าวเพียงแต่ให้สิทธิโจทก์ที่จะใช้สิทธิดังกล่าวเท่านั้นซึ่งโจทก์จะใช้สิทธิดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ เช็ค 2 ฉบับตามฟ้องเป็นเช็คที่จำเลยที่ 2 มอบให้โจทก์เพื่อชำระค่าเช่าซื้อเรือในวันทำสัญญาจึงถือว่าเป็นค่าเช่าเรือที่โจทก์ได้รับชำระไว้แล้วโดยจำเลยที่ 2 ชำระด้วยเช็ค 2ฉบับ ตามฟ้องแทนเงิน มิใช่เป็นค่าเช่าซื้อที่โจทก์ยังไม่ได้รับและจำเลยที่ 2 ยังค้างชำระ ดังนั้น แม้จะฟังว่าขณะนี้สัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วโดยปริยาย ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็ค 2 ฉบับ ได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความทั้ง 2 ศาล 700 บาท

Share