คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่า การดำเนินคดีอาญากับจำเลย นายอำเภอสั่งในตำแหน่งนายอำเภอไม่ได้ เพราะสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคล ต้องสั่งในนามประธานกรรมการสุขาภิบาล ดังนี้ เป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย จำเลยย่อมฎีกาได้
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนชั้นจัตวาดำรงตำแหน่งเสมียนตราอำเภอ และโดยคำสั่งทางราชการให้ดำรงตำแหน่งและหน้าที่กรรมการสุขาภิบาลอีกด้วย หากฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินไว้แล้วไม่ลงบัญชี เป็นเหตุให้เงินขาดหายไปจากบัญชีซึ่งถือว่าทุจริตต่อหน้าที่ เบียดบังเอาทรัพย์ไป เมื่อจำเลยไม่ใช้เงินที่ขาดหายไป อันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงสั่งให้นายอำเภอดำเนินคดีกับจำเลย นายอำเภอได้สั่งให้ปลัดอำเภอไปแจ้งความดำเนินคดีก็ย่อมกระทำได้เพราะพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ.2495 นายอำเภอเป็นประธานกรรมการสุขาภิบาลโดยตำแหน่ง ที่นายอำเภอสั่งให้ปลัดอำเภอไปแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลย จะถือว่านายอำเภอไม่ใช่สั่งในตำแหน่งประธานกรรมการสุขาภิบาลด้วยหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นจัตวา สังกัดกรมมหาดไทย ดำรงตำแหน่งเสมียนตราอำเภอศรีมหาโพธิ์และโดยคำสั่งทางราชการให้ดำรงตำแหน่งและหน้าที่กรรมการสุขาภิบาลและสมุห์บัญชีสุขาภิบาลศรีมหาโพธิ์ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยมีอำนาจและหน้าที่ทำ จัดการ และรักษาทรัพย์สินเกี่ยวกับเงินค่าภาษีป้ายค่าธรรมเนียมอาชญาบัตร ค่าน้ำ ฟืน ไฟ และโค กระบือ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสะสมอาหารค่าธรรมเนียมประกอบการค้า จากประชาชนที่มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและขอรับใบอนุญาตในการประกอบกิจการนั้น ๆ ในเขตสุขาภิบาล กับมีหน้าที่เรียก ขอรับเงินส่วนแบ่งจากเงินค่าภาษีอากรของรัฐเป็นเงินรายได้บำรุงสุขาภิบาล เป็นค่าเบี้ยประชุมกรรมการสุขาภิบาล และลงบัญชีเงินสดรายรับรายจ่ายประจำวันที่เมื่อจำเลยรับเงินมาจากที่ต่าง ๆ และนำส่งเป็นผลประโยชน์ของสุขาภิบาลตรวจตราลงบัญชีกระแสรายวันให้ถูกต้อง เก็บรักษาเงินสดให้ตรงกับยอดเงินในบัญชีเงินสดรายวัน ขณะจำเลยดำรงตำแหน่งดังกล่าว จำเลยได้ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยโดยทุจริตเบียดบังยักยอกเงินไปเป็นผลประโยชน์ อันเป็นความเสียหายแก่รัฐและสุขาภิบาลรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,040.64 บาท ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151, 153, 157 พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 7, 9, 13 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 4,040 บาท64 สตางค์ แก่สุขาภิบาลด้วย

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นข้าราชการพลเรือน และมีอำนาจหน้าที่ดังกล่าวตามฟ้องจริง แต่จำเลยไม่ได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยฟังว่าจำเลยได้รับเงินไว้แล้วไม่ลงบัญชีเป็นเหตุให้เงินขาดหายไปจากบัญชี 3,908.42 บาท การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ เบียดบังเอาทรัพย์ไป และจ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่าย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 153 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 9 ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2502 มาตรา 3 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุก 5 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 3,908.42 บาท แก่สุขาภิบาลอำเภอศรีมหาโพธิ์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยโดยเห็นว่า เป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา แต่ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่จำเลยฎีกาว่าการดำเนินคดีอาญากับจำเลย นายอำเภอสั่งในตำแหน่งนายอำเภอ ไม่ได้เพราะ (สุขาภิบาล) เป็นนิติบุคคล ต้องสั่งในนามประธานกรรมการสุขาภิบาล เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ให้รับฎีกาจำเลยข้อนี้ และการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อจำเลยไม่ใช้เงินที่ขาดหายไปจากบัญชีอันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงสั่งให้นายอำเภอดำเนินคดีกับจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าเงินที่ขาดหายไปจากบัญชีเป็นเงินของรัฐตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดและรับผิดชอบในราชการของจังหวัดและอำเภอ มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอันเป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของรัฐบาลในจังหวัดปฏิบัติและควบคุมดูแลราชการบริหารส่วนท้องถิ่นในจังหวัดซึ่งรวมถึงสุขาภิบาลที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย ส่วนนายอำเภอนั้นมีอำนาจและหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในอำเภอตามกฎหมายและตามคำสั่งคำแนะนำชี้แจงของผู้ว่าราชการจังหวัด ควบคุมดูแลการบริหารส่วนท้องถิ่นในอำเภอและตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 นายอำเภอเป็นกรรมการสุขาภิบาลโดยตำแหน่ง สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดก็มีหน้าที่ควบคุมดูแลสุขาภิบาลในจังหวัดให้ปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้องตามกฎหมาย เป็นที่เห็นได้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ดำเนินคดีกับจำเลยผู้กระทำความผิดเรื่องนี้ได้ และนายอำเภอก็มีอำนาจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยได้เช่นเดียวกันในฐานะที่เป็นประธานกรรมการสุขาภิบาลโดยตำแหน่ง แม้นายอำเภอจะดำเนินคดีกับจำเลยในตำแหน่งนายอำเภอดังที่จำเลยโต้เถียง ตำแหน่งนายอำเภอก็เป็นตำแหน่งประธานกรรมการสุขาภิบาลโดยตำแหน่งด้วย ที่นายอำเภอสั่งให้ปลัดอำเภอไปแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลย จะถือว่านายอำเภอไม่ใช่สั่งในตำแหน่งประธานกรรมการสุขาภิบาลด้วยหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share