แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายท้ายเรือยนต์ของจำเลยได้ขับเรือไปชนเรือยนต์ของโจทก์ที่จอดอยู่เสียหาย จำเลยผู้ครอบครองเรือนั้นย่อมต้องรับผิด เพื่อการเสียหายนั้นด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกลาสี จำเลยที่ 2 เป็นนายท้ายเรือยนต์ศรีบุญเรืองหรืออนุนาวา 2 จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2495 จำเลยที่ 3 ใช้ให้จำเลยที่ 1, 2 นำเรือไปบรรทุกของไปส่งที่เมืองเวียงจันทร์ จำเลยที่ 2 ใช้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับเรือ จำเลยที่ 1 ขับเรือจนชนเรือโจทก์ จึงขอเรียกค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณาจำเลยที่ 2 ให้การว่าไม่ได้เป็นนายท้ายเรือศรีบุญเรืองจำเลยที่ 3 ให้การว่าได้ให้นายบุญเทียมเช่าเรือไปก่อนเกิดเหตุ 2 เดือนแล้ว จำเลยไม่ได้ใช้ใครไปบรรทุกของ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือท้ายเรือศรีบุญเรืองจนเกิดเหตุ เรือโจทก์ซึ่งจอดอยู่เสียหายจำเลยที่ 3 เป็นผู้ครอบครองและควบคุมเรือศรีบุญเรืองจึงต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยที่ 1, 3 ใช้ค่าเสียหายยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีจะต้องวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุเรือยนต์ศรีบุญเรืองอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 3 หรือว่าจำเลยที่ 3 ให้นายบุญเทียมเช่าไป ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาเช่ามีพฤติการณ์และเหตุผลฝ่าฝืนต่อข้อเท็จจริงในท้องสำนวนดังที่ศาลล่างได้ยกขึ้นวินิจฉัยไว้แล้ว จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิด พิพากษายืน