คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิหนังสือเล่มหนึ่งได้ว่าจ้างจำเลยพิมพ์หนังสือเล่มนั้นเป็นจำนวน 1000 เล่มโจทก์รับหนังสือไว้เพียง 300 เล่มเหลือนอกนั้นคืนจำเลยเพราะหน้าหนังสือสับกัน จำเลยเอาหนังสือที่โจทก์ส่งคืนออกขาย ดังนี้ไม่มีผิดตาม ม. 25 แห่ง
พ.ร.บ. คุ้มครองวรรณกรรมเพราะหนังสือนั้นไม่เป็นสำเนาจำลองตามความหมายในมาตรานั้น ประมวลวิธีพิจารณา อาญา ม. 219 คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ๆ ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย

ย่อยาว

ได้ความตามฟ้อง คำให้การและรายงานพิจารณาว่าโจทก์เป็นผู้มีลิขสิทธิในหนังสือแบบเรียนสาสนาชนนีได้จ้างโรงพิมพ์ของจำเลยพิมพ์หนังสือนี้ ๑๐๐๐ เล่ม ครั้นโรงพิมพ์จำเลยส่งหนังสือจำนวนนี้มาให้โจทก์มีหน้าหนังสือสับกันบ้าง โจทก์ส่งคืนให้จำเลยคงรับไว้ ๓๐๐ เล่ม จำเลยเคยขออนุญาตโจทก์เพื่อแก้หนังสือนี้ให้ถูกต้องและจะจำหน่ายโจทก์ไม่ยอม ต่อมาเมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยจำหน่ายหนังสือนี้ไปบ้างจึงฟ้องจำเลยหาว่าเลมิดลิขสิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองวรรณกรรม ฯลฯ ม. ๒๕ (ก)(ข)(ฆ) ตอน ๓ และกฎหมายอาญา ม. ๖๓ , ๗๐ , ๗๑
ศาลฎีกาตัดสินว่าที่ศาลชั้นต้นงดสืบพะยานโจทก์นั้นชอบแล้วเพระถ้าหากว่าจำเลยขายหนังสือในจำนวน ๗๐๐ เล่มนั้นไป จำเลยก็ยังไม่มีผิดตาม ม. ๒๕ แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองวรรณกรรม ฯลฯ เพราะหนังสือ ๗๐๐ เล่มนี้ไม่เป็นสำเนาจำลองอันเป็นการเลมิดลิขสิทธิตาม ม. ๒๕ นั้น และแม้จำเลยจะได้ขายไปบ้างจริงโจทก์เสียหายก็เป็นเรื่องเลมิดในทางแพ่งเท่านั้น ส่วนข้อที่โจทก์หาว่าจำเลยพิมพ์หนังสือเกินจำนวน ๑๐๐๐ เล่มนั้นโจทก์แถลงรับว่าหนังสือที่โจทก์หาว่าจำเลยขายคือหนังสือที่โจทก์จ้างให้จำเลยพิมพ์นั้นเอง ข้ออ้างของโจทก์จึงตกไปพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share