แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยถูกควบคุมตัวในเรือนจำระหว่างการพิจารณา คำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นกรณีที่ศาลใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่ให้สั่งขังจำเลยไว้ มิใช่ สั่งจำคุก จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษา ถึงที่สุดของศาล หรือถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 เรือนจำ จึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีคบคิดกันฉ้อฉลแกล้งประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เป็นกรณี ที่จำเลยยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดี ทั้งปวง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองซึ่งจะต้องยื่นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยทราบการฝ่าฝืน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 52,646,575.35 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 50,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (31 มกราคม 2537) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จหากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2561-2572 ตำบลบัวสลี อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ โจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับเพื่อแจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2538 แจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวข้างต้นให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ ครั้นครบกำหนดเวลาตามคำบังคับจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินการบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2539 และต่อมาวันที่ 4 เมษายน 2539 เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้นเพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า การส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 ทราบที่บ้านเลขที่ 150 ถนนนิตโย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ไม่ชอบ เพราะขณะที่มีการส่งคำบังคับนั้นจำเลยที่ 2 ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร ในคดีหมายเลขแดงที่ ผ.9/2538 ระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ (จำเลยที่ 2 คดีนี้) จำเลยซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับและทราบคำบังคับแต่อย่างใด การออกหมายบังคับคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายการดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขณะที่มีการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ยึดทรัพย์ด้วยเพราะถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2539 และเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แสดงหมายบังคับคดีให้จำเลยที่ 2 หรือผู้ดูแลสถานที่ซึ่งถูกยึดทราบก่อนดำเนินการบังคับคดีแต่อย่างใดทั้งเมื่อได้ดำเนินการยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 แล้วก็ไม่ได้มีการแจ้งการยึดให้จำเลยที่ 2 และเจ้าพนักงานที่ดินทราบ ประกอบกับโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้สมคบกันประเมินราคาที่ดินต่ำกว่าความเป็นจริงมากโดยประเมินราคาที่ดินที่ยึดทั้ง 12 แปลงเป็นเงินเพียง 59,363,250 บาท ซึ่งความจริงแล้วที่ดินดังกล่าวมีราคาสูงถึง 127,114,400 บาท ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งยกเลิกหมายบังคับคดีและเพิกถอนการยึดที่ดินของจำเลยที่ 2กับให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องและขอให้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์คดีนี้ซึ่งอาจจะต้องกระทำใหม่โดยให้วางเป็นค่าใช้จ่ายต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีด้วย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ของ จำเลยที่ 2 และยกคำขอตามคำคัดค้านของโจทก์ที่ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งอาจจะต้องกระทำใหม่
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ขณะส่งคำบังคับจำเลยที่ 2 ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในคดีหมายเลขแดงที่ ผ.9/2538 เรื่อง ส่งผู้ร้ายข้ามแทน ปรากฏตามเอกสารหมาย ร.1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 การส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 150 ถนนนิตโย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนมจึงไม่ชอบ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นกรณีที่ศาลใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาตรา 10 ที่ให้สั่งขังจำเลยไว้ มิใช่สั่งจำคุกจึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 การส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2ที่บ้านเลขที่ 150 ถนนนิตโย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม จึงชอบแล้ว
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาประการต่อมาว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอ้างว่า โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีคบคิดกันฉ้อฉลแกล้งประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างว่า การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่จะต้องยื่นคำคัดค้านภายใน 8 วันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอ้างเหตุดังกล่าวและมีคำขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกหมายบังคับคดีและสั่งเพิกถอนการยึดที่ดินกับให้งดการบังคับคดี เป็นกรณีที่จำเลยที่ 2ยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงต้องตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง บัญญัติ ซึ่งจะต้องยื่นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืนศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว
พิพากษายืน