คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าพาหนะไปมาโรงพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาลบาดแผลที่ถูกทำละเมิดเป็นค่าเสียหายที่เกิดโดยตรงสืบเนื่องจากการละเมิด
โจทก์ถูกทำละเมิดแขนซ้ายพิการตลอดชีวิต มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเพราะเหตุทุพพลภาพได้
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยทำสัญญากับจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 2 ยอมใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของจำเลยที่ 1 เพื่อความวินาศภัยกันเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งและซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบ มีลักษณะเป็นสัญญาประกันภัยค้ำจุน ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยโดยตรงและมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ รับประกันภัยค้ำจุนจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์โดยประมาทปาดหน้ารถจักรยานยนต์ที่โจทก์นั่งซ้อนท้ายเสียหลักล้มลง โจทก์ตกจากรถได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนซ้ายพิการ ยกไม่ได้ ขอคิดค่าเสียหาย ๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์เสียค่ารักษาพยาบาลและค่าพาหนะไปมาเพื่อตรวจรักษาอีก ๑,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ มิได้ประมาท โจทก์มิได้พิการตลอดชีวิต ค่าเสียหายที่เรียกสูงเกินควร จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
ก่อนสืบพยาน จำเลยรับว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถประมาทจริง ขอต่อสู้เพียงว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายมากเกินไป โจทก์ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิการ จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ โจทก์เสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ๗,๐๐๘.๕๐ บาท และเสียค่าพาหนะไปมารักษาที่โรงพยาบาลอีก ๑,๐๐๐ บาท แขนซ้ายโจทก์พิการตลอดชีวิต เห็นควรให้ค่าเสียหาย ๒๐,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายรวม ๒๘,๐๐๘.๕๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ ขอค่าเสียหายที่แขนซ้ายพิการอีก ๕๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและค่าเสียหายไกลกว่าเหตุ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพิ่มอีก ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า จำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญากับจำเลยที่ ๑ ว่าจำเลยที่ ๒ ยอมใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของจำเลยที่ ๑ เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่งและซึ่งจำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดชอบ มีลักษณะเป็นสัญญาประกันภัยค้ำจุน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๗ วรรคสอง บัญญัติว่า “บุคคลผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามที่ตนควรจะได้นั้นจากผู้รับประกันภัยโดยตรง” ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยโดยตรง จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ ได้
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า แขนซ้ายโจทก์ไม่พิการและศาลอุทธรณ์ให้ค่าเสียหายสูงเกินควรนั้น ศาลฎีกาฟังว่า แขนซ้ายโจทก์พิการตลอดชีวิต โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเพราะเหตุต้องทุพพลภาพได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๖ และเห็นว่า ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ชอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ส่วนค่าพาหนะที่โจทก์เสียไปมาเพื่อนวดแขนที่โรงพยาบาล ๑,๐๐๐ บาท ก็เป็นค่าเสียหายโดยตรงสืบเนื่องจากโจทก์ถูกละเมิดและเป็นจำนวนพอสมควร
พิพากษายืน

Share