คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำนวนทุนทรัพย์ ที่เรียกร้องไม่เกิน 2 พันบาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง 500 บาทจำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มาโดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไปและอื่นๆ รวมราคา 2,930 บาท หาได้ฟ้องแย้งเข้ามา ดังนี้ไม่ใช่ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง เป็นแต่เพียงการขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกและกล่าวอ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกของนายดวน ยิ้มสงบุตรโจทก์จากจำเลยผู้เป็นภริยานายดวน ยิ้มสง โดยกล่าวว่านายดวนมีสินเดิม 380 บาท จำเลยไม่มี นายดวนกับจำเลยได้สร้างสินสมรสคือสวนยาง 2 แปลงที่บ้าน 1 แปลง และที่สวนที่นา 1 แปลง ราคาทั้งหมด 4,000 บาทที่ทั้ง 4 แปลงอยู่อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง นายดวนตายแล้ว มีทายาทคือโจทก์จำเลยและบุตรจำเลย 6 คน โจทก์มีสิทธิจะได้รับ1 ใน 8 ส่วนเป็นเงิน 500 บาท ขอให้แบ่งให้โจทก์ ถ้าแบ่งไม่ตกลงก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน

จำเลยต่อสู้ดังนี้

1. โจทก์ได้สละมรดกแล้วไม่มีสิทธิฟ้อง

2. จำเลยฝ่ายเดียวมีสินเดิม นายดวนไม่มี ที่โจทก์ฟ้องว่านายดวนมีสินเดิม ไม่ได้ระบุว่าอะไรบ้าง เป็นฟ้องเคลือบคลุมสินเดิมของจำเลยมีหลายอย่าง คงเหลือแหวนวงเดียว คงขาดไป 2,900 บาทหากมีการแบ่งมรดกต้องหักใช้สินเดิมก่อน

3. จำเลยได้จ่ายในการรักษาพยาบาลเจ้ามรดก ในการทำบุญปลงศพและอื่น ๆ รวม 3,500 บาท ต้องหักจากกองมรดกก่อน

4. เฉพาะที่แปลง 1, 2 และ 3 ตามฟ้องเป็นของบิดามารดาจำเลยยังครอบครองร่วมกันแทนกันระหว่างพี่น้องรวม 5 คน ไม่ใช่สินสมรส แปลงที่ 4 เป็นของนายปานไม่ใช่สินสมรส

ระหว่างสืบพยานมีนายเฉย นายปลอด นายปานร้องสอด เข้ามาโดยศาลอนุญาตว่า ผู้ร้องเป็นพี่จำเลยบิดามารดากันทรัพย์ตามฟ้องแปลงที่ 1,2,3 ราคาประมาณ 3,600 บาท เป็นมรดกของบิดามารดาผู้ร้องและจำเลยยังครอบครองอยู่ ไม่ใช่สินสมรส หากศาลพิพากษาให้แบ่งปันทรัพย์รายนี้ ขอให้แบ่งให้ผู้ร้องคนละ 1 ใน 5 ส่วน รวม 3 คนเป็นเงิน 2,160 บาท

โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้คำร้องสอดว่าทรัพย์ ที่ฟ้องเป็นของนายดวน หาใช่ของบิดามารดาผู้ร้องไม่

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยดังนี้

1. ฟังว่าที่ดินทั้ง 4 แปลงเป็นสินสมรสของนายดวนและจำเลย

2. สินเดิมฟังว่าโจทก์มีสินเดิมราคา 358 บาท แม้ฟ้องจะไม่ระบุสินเดิมว่ามีอะไรบ้างก็ไม่เคลือบคลุม และคงเชื่อว่าจำเลยมีแต่ต่างหู ราคา 120 บาท เป็นสินเดิม

3. ค่ารักษาพยาบาลและอื่น ๆ ปรากฏว่ามีคนออกเงินช่วยในการศพมากเกินกว่าจำนวนเงินที่อ้างว่าใช้จ่าย จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้หักเงินจำนวนนี้จากสินเดิม

4. ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าโจทก์สละมรดกจำเลย สืบไม่สมตามมาตรา 1612

พิพากษาให้แบ่งปันทรัพย์พิพาทโดยให้เอาสินเดิมของนายดวนและจำเลยหักออกจากสินสมรสก่อน เหลือเท่าไรให้แบ่งเป็น 3 ส่วนให้นายดวน 2 ส่วน ให้จำเลย 1 ส่วน สินสมรส 2 ส่วนของนายดวนนั้นให้รวมกับสินเดิมของนายดวน แล้วแบ่งออกเป็น 8 ส่วน โจทก์ได้1 ส่วน จำเลยได้ 1 ส่วน อีก 6 ส่วนเป็นของบุตรเจ้ามรดก

จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยแต่ฝ่ายเดียวฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเหลือ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามไม่ให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงปรากฏว่าคดีนี้จำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มา 2,930 บาท โดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไป 1,270 บาท ค่ารักษาพยาบาลและอื่น ๆ 1,160 บาท จำเลยเป็นแต่ให้การขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งส่วนนั้น หาได้ฟ้องแย้งเข้ามาไม่ จึงไม่ใช่ทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในชั้นนี้ จำเลยติดใจเรียกรวมเข้าด้วยเป็นการไม่ถูกต้อง

ข้อเถียงของจำเลยในเรื่องสละมรดก ในเรื่องสินเดิมและในเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพเจ้ามรดกจำเลยเถียงในข้อเท็จจริงและข้อเถียงเกี่ยวกับคำพิพากษาที่มิให้ชักค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายจากกองมรดกนั้นมิชอบก็เป็นข้อเท็จจริง ส่วนในเรื่องเคลือบคลุมนั้นเห็นว่าการที่โจทก์ ฟ้องว่านายดวนมีสินเดิมนั้น ก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น โจทก์หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสได้แม้ไม่ได้ระบุว่าสินเดิมมีอะไรบ้างก็หาเป็นการเคลือบคลุมไม่ ส่วนที่ศาลหักสินเดิมของโจทก์สินสมรสจะเป็นการเกินคำขอหรือไม่ ชั้นนี้จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้ง

พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share