แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับคำสั่งของอำเพอไห้นำไม้ซึ่งตัดไว้ก่อนพระราชกริสดีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ส. 2485 อันมีจำนวนไม่เกิน 200 ต้น มาขายไห้แก่โรงเลื่อยทางราชการติดต่อกันเรื่องมาดั่งนี้ แม้จำเลยจะนำเคลื่อนที่พายหลังเมื่อมีพระราชกริสดีกากำหนดไม้หวงห้ามแล้ว ก็ไม่มีความผิด.
ย่อยาว
โจทฟ้องว่า จำเลยทำไม้ มีไม้ไว้ไหนครอบครองโดยยังมิได้เสียค่าภาคหลวง และนำไม้เคลื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และไม่มีไบเบิกทาง ขอไห้ลงโทสตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ส. ๒๔๘๔
ได้ความว่านายอำเพอทำหนังสือลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๘๔ อนุญาตไห้จำเลยทำไม้และชักลากไม้ไนป่าขายไห้โรงเลื่อยทางราชการไม่เกินจำนวน ๒๐๐ ต้น ขนะนั้นยังมิได้มีพระราชกริสดีกากำหนดไม้หวงห้ามไนเขตจัดหวัดพิบูลสงคราม แต่ไครจะทำไม้ไนป่าต้องขออนุญาตกรมการอำเพอก่อน ต่อมาได้มีพระราชกริสดีกากำหนดไม้หวงห้ามในเขตจังหวัดพิบูลสงครามเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๘๕ ไม้ตะเคียน เปนไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติ จำเลยตัดไม้ตะเคียนไว้ก่อน พ.ส. ๒๔๘๕ แต่ได้นำเคลื่อนที่มาพายหลัง ๙๐ นับแต่วันประกาสไช้พระราชบัญญัติ
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์เห็นว่า จำเลยตัดไม้ก่อน พ.ส. ๒๔๘๕ ไม่มีความผิด แต่การนำไปเคลื่อนที่นั้นเปนการทำไม้ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จำเลยมีผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พิพากสาปรับและริบไม้ของกลาง
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า คำสั่งอนุญาตของนายอำเพอเปนคำสั่งที่ชอบด้วยกดหมาย กดหมายไหม่หามีผลย้อนหลังไห้คำสั่งนั้นเปนโมคะ หรือทำไห้ต้องถูกเพิกถอนไปประการไดไม่ เว้นแต่จะระบุไว้โดยฉเพาะ และอำเพอผู้อนุญาตก็ยังไม่เพิกถอนคำสั่ง จำเลยังไม่มีความผิดส่วนข้อหาถานมีไว้ไว้ไนครอบครองยังไม่เรียกค่าภาคหลวงนั้น ก็เห็นว่า กดหมายบัญญัติไว้เพื่อลงโทสผู้ที่มีไว้เช่นนั้นโดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกดหมายเท่านั้น คดีนี้เมื่อจำเลยทำไม้โดยชอบด้วยกดหมายแล้ว จำเลยังไม่มีผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ส. ๒๔๘๔ ทั้งสามถานพิพากสากลับคำพิพากสาสาลอุธรน์ ยกฟ้องโจท.