แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องให้ริบช้างของจำเลยโดยฟังว่าช้างถูกนำเข้ามาจากประเทศพะม่านั้น จำเลยจะฎีกาคัดค้านว่าช้างมิได้ถูกนำมาจากประเทศพะม่าแต่เช่าผู้อื่นมาจากในเขตประเทศไทยไม่ได้เพราะถือว่าจำเลยฎีกาค้านในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาในเรื่องนี้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นฟังว่าช้างของกลางนี้ได้นำเข้ามาจากประเทศพะม่าโดยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม ก.ม.เป็นของต้องริบตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๐ ม.๓ แต่โจทก์ไม่มีพยานสืบว่าจำเลยเป็นผู้นำเข้ามาหรือสั่งให้นำเข้ามา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกันนำเข้ามา พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยทั้งสอง ช้างของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ขอให้คืนช้างให้จำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว จำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อ ก.ม.และศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จำเลยค้านว่าเช่าช้างมาจากนายโยป่าที่บ้านหมื่นฤาชัย ต.ช่องแคบ ในประเทศไทย แต่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าช้างที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศพะม่าจึงเป็นข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาไม่ได้ในข้อนี้
จำเลยฎีกาในข้อ ก.ม.ว่าถ้าจำเลยจะผิดก็ผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.๒๔๘๐ ม.๘,๑๑ แต่ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ม.๒๗ ข้อนี้ศาลล่างทั้งสองมิได้ชี้ขาดความผิดตามบท ก.ม.ที่จำเลยยกขึ้นอ้างเลย แต่ปรับบทลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๐ ม.๓ โดยให้ริบช้างของกลาง ซึ่งศาลฎีกาเห็นชอบด้วย
จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาจำเลย