แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถามผู้ตายเรื่องชำเราเด็กและทวงเงิน ผู้ตายใช้มีดจะแทงจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีไปที่หน้าผู้ตาย 1 ที ผู้ตายล้มลงแล้วโงเงขึ้นมาจะแทงจำเลยอีก จำเลยจึงตีถูกที่หน้าผู้ตายอีก 1 ที ผู้ตายล้มลงศรีษะฟาดกับหินถึงแก่ความตาย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ไม้กลมยาวประมาณ ๑ วาเท่าแขนตีผู้ตายหลายทีโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้ตายโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยป้องกันเกินกว่าเหตุให้จำคุก ๖ ปี ลดรับสารภาพคงจำคุก ๓ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ถามผู้ตายเรื่องที่ผู้ตายชำเราก้นเด็กชายห้อยและขอแบ่งเงินค่าขายยาแต่โดยดี ผู้ตายไม่มีอำนาจใช้มีดแทงจำเลย การที่ผู้ตายจะแทงจำเลยเป็นผิดกฎหมายและเป็นอันตรายใกล้จะถึง จำเลยจึงใช้ไม่ตีผู้ตายถูกที่หน้าล้มลง ต่อจากนี้จำเลยไม่ได้ทำร้ายผู้ตายอีก แต่ผู้ตายโงเงขึ้นมาจะแทงจำเลยอีก อันตรายที่เกิดขึ้นยังมีอยู่จำเลยจึงตีผู้ตายอีก ๑ ที ถูกที่หน้าผู้ตาย ผู้ตายล้มลงศีรษะฟาดกับหินถึงแก่ความตาย ก็เป็นการกระชั้นชิดและมีความจำเป็นที่จำเลยต้องตี ถ้าจำเลยไม่ตีผู้ตาย ผู้ตายก็จะใช้มีดซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงกว่าไม้แทงจำเลยถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ และชอบด้วยกฎหมายไม่มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์