คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071-1072/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามรายงานการพิจารณาของศาลที่จดไว้ เมื่อคู่ความรับกันในประเด็นใดแล้วก็เป็นอันฟังได้ไม่ต้องสืบพะยานอีก เป็นคำรับที่ผูกมัดคู่ความ
ที่ดินสวนมะพร้าวซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินแต่อย่างใดเลยนั้น มีผู้บุกรุกเข้ามาครอบครองเพียง 4 – 5 ปี เจ้าขอเดิมยังไม่ขาดกรรมสิทธิ ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกได้
ที่ดินมือเปล่าซึ่งเป็นที่บ้านที่สวน ถ้าผู้ครอบครองโดยปรปักษ์ได้ครอบครองมาถึง 10 ปีแล้วก็ได้กรรมสิทธิเป็นเจ้าของ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีเพียงสิทธิครองครองเท่านั้น เพราะที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยภายใน ๑ ปี ตาม ประมวลแพ่งฯ มาตรา ๑๓๗๕ คดีขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งแห่งที่ดินสวนมะพร้าวของโจทก์ จำเลยก็รับว่าฉะเพาะที่วิวาทเป็นสวนที่มีต้นอาสิน โจทก์ได้ที่รายนี้มาก่อนใช้ ประมวลแพ่งฯ จึงใช้กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ บังคับคดีโจทก์ละทิ้งให้จำเลยเข้าครอบครองเพียง ๒ ปีเศษเท่านั้น ยังไม่ขาดอายุความ ทั้งจำเลยก็รับว่าเป็นผู้บุกรุกที่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาข้อต้นว่า บุคคลที่ถือที่ดินมือเปล่าอาจมีกรรมสิทธิได้หรือไม่นั้นในเรื่องที่บ้านที่สวนซึ่งราษฎรต่อราษฎรเป็นความกัน ศาลฎีกาได้เคยพิพากษามามากต่อมาเป็นบันทัดฐานว่า ถ้าได้ครอบครองมาโดยปรปักษ์ถึง ๑๐ ปีแล้ว จึงเป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิได้ กฎหมายลักษณเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ ก็มีข้อความพออาศัยดังกล่าวแล้วได้ ถึงแม้ประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๑๓๘๒ ก็มีความดังนี้ อนึ่งพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ร.ศ.๑๒๗ ก็สนับสนุนแก่ผู้ครอบครองเช่นกล่าวนี้ โดยออกโฉนดเป็นพะยานหลักฐานให้ โดยถือว่าเป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ ที่พิพาทมิได้ทำการเพาะปลูกเป็นสวนมะพร้าว จำเลยรับว่าบุกรุกเข้ามาครอบครองเพียง ๔ – ๕ ปี อาศัยฎีกาที่ ๒๒๘/๒๔๘๑ กับกฎหมายลักษณเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ เห็นว่าเจ้าของต้องละทิ้งไปถึง ๙ – ๑๐ ปีจึงจะขาดกรรมสิทธิ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้ จำเลยโต้เถียงว่ารายงานการพิจารณาของศาลจะฟังมัดจำเลยไม่ได้นั้น เห็นว่า เป็นคำรับของจำเลย เมื่อคู่ความรับกันในประเด็นไม่มีข้อโต้เถียงแล้วก็เป็นอันฟังได้ไม่ต้องสืบพะยานต่อไปอีก จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share