คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ ข้อความท้ายคำร้องคำแถลงมีว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 3 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อโจทก์มิได้แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ศาลชั้นต้นมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2527 ให้โจทก์แถลงภายใน 3 วันวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ 8 ธันวาคม 2527ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ 9 ธันวาคม 2527 แต่วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม 2527 ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับอันเป็นวันหยุดราชการโจทก์จึงมีสิทธิแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ได้ด้วย การที่โจทก์แถลงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียวระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน 3 วัน เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ประสงค์ได้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน๑,๖๓๗,๖๕๖ บาท และดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง และให้จำเลยทั้งสองรับโอนรถยนต์จากโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งภายใน ๗ วัน ถ้าส่งไม่ได้ ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาพนักงานเดินหมายรายงานว่าได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งที่ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสอง พบชายคนหนึ่งแจ้งว่าจำเลยทั้งสองได้ย้ายไปนานแล้ว ส่งหมายให้ไม่ได้เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ โจทก์ยื่นคำแถลงขอสืบหาที่อยู่ของจำเลยทั้งสองภายใน ๗ วัน ศาลชั้นต้นอนุญาต และเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๗ โจทก์ยื่นคำแถลงว่า จำเลยที่ ๑ คงมีภูมิลำเนาอยู่ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่สามารถค้นหาที่อยู่ได้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเนื่องจากหลบหนีหมายจับของศาล ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองมีที่อยู่ที่แน่นอน ไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรภายใน ๓ วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง โจทก์ทั้งสองมิได้แถลงภายในกำหนดแต่ต่อมาวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๗ โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องว่า โจทก์ทั้งสองไม่มีเจตนาทิ้งฟ้อง ขอให้งดสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง และยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองอีกครั้ง ถ้าไม่มีผู้รับให้ปิดหมาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยในวันที่ ๖ธันวาคม๒๕๒๗ และให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน ๓ วัน โดยสั่งในวันที่โจทก์ยื่นคำแถลงถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลแล้ว เมื่อโจทก์ไม่แถลงภายในกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องจำหน่ายคดี
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่าโจทก์มิได้จงใจทิ้งฟ้อง ขอให้แก้ไขคำสั่งทิ้งฟ้องหรือที่สั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความท้ายคำร้องคำแถลงมีว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้น ไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน ๓ วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องต้องถือว่าโจทก์ทั้งสองได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อโจทก์ทั้งสองมิได้แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) ศาลชั้นต้นมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๒ (๑) แต่ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา S๓๒ ดังกล่าวไม่ได้รับคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๗ ให้โจทก์แถลงภายใน ๓ วัน ได้ความว่าวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๗ ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๗ ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๒๗ แต่วันที่ ๙ และวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๗ ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับ อันเป็นวันหยุดราชการโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิแถลงในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๗ ได้ด้วยการที่โจทก์ทั้งสองแถลงเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๗ จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียว ระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน ๓ วันก็เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ทั้งสองประสงค์ให้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี เมื่อพิเคราะห์ถึงระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์ทั้งสองแถลงค่อนข้างสั้นและเป็นช่วงที่มีวันหยุดหลายวัน ทั้งโจทก์ทั้งสองแถลงเข้าไปเพียงวันเดียวคดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์จัดการนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องใหม่ภายในเวลาและวิธีการที่ศาลชั้นต้นจะได้กำหนด แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.

Share