แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งขอศาลอุทธรณ์เกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา ย่อมฎีกาได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเฉพาะบ้านพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย หากเพิกถอนไม่ได้ก็ให้จำเลยใช้ราคาบ้านแก่โจทก์ ดังนี้แม้จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไปโจทก์ก็ไม่เสียหายอย่างใดเพราะโจทก์จะได้ราคาบ้านพิพาทหากจำเลยแพ้คดี จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งให้จำเลยหาประกันสำหรับราคาบ้านพิพาทและค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องชำระหากจำเลยแพ้คดีมาวางศาลเสียก่อนที่จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นการขายบ้านเลขที่ 51/2 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์และต่อมายื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉินว่า จำเลยกับพวกรื้อบ้านดังกล่าวออกไปขอให้มีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำต่อไป ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยหยุดการรื้อถอนบ้านพิพาทจนกว่าจะมีคำพิพากษา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งว่า ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับราคาบ้านพิพาทพร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งจะต้องชำระให้ตามคำพิพากษาหากจำเลยแพ้คดีมาวางศาลจนเป็นที่พอใจศาลชั้นต้นและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็ให้เพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวนี้เสีย มิฉะนั้นให้ยกคำร้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาตามที่จำเลยแก้ฎีกาว่า โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ได้หรือไม่ เห็นว่า กรณีไม่ใช่การทุเลาการบังคับคดี แต่เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาโจทก์ย่อมฎีกาได้ตามนัยคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 512/2514 คำแก้ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปมีว่ามีเหตุสมควรเพิกถอนคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ว่า “ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับราคาบ้านพิพาทพร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งจะต้องชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาหากจำเลยแพ้คดีมาวางศาลจนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นและภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็ให้เพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวนั้นเสีย มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง” หรือไม่ ข้อนี้โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเฉพาะบ้านพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย และคำขอท้ายฟ้องข้อ 3ของโจทก์ระบุว่าหากจำเลยไม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมได้ก็ให้จำเลยใช้ราคาบ้านเป็นเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เห็นว่า โจทก์ได้มีคำขอไว้ว่าหากจำเลยไม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมเกี่ยวกับบ้านพิพาทได้ก็ให้ใช้ราคาบ้านแก่โจทก์ ถึงแม้จำเลยจะรื้อบ้านพิพาทไปโจทก์ก็ไม่เสียหายแต่อย่างใด เพราะโจทก์ก็จะได้ราคาบ้านพิพาทไปตามจำนวนที่ขอไว้หากจำเลยแพ้คดี”
พิพากษายืน