แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตรงที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวและมืด จำเลยถูกผู้ตายใช้ปืนยิง 1 นัดในระยะกระชั้นชิดถูกที่ท้องจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำการเพื่อป้องกันตนเองได้ การที่จำเลยใช้มีดทำครัวแทงสวนผู้ตายไปเพียงครั้งเดียวผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็แสดงว่ากระทำเพื่อยับยั้งมิให้ผู้ตายยิงจำเลยซ้ำอีก เป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุจำเลยย่อมไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพกและใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงทำร้ายร่างกายนายอุบลถูกหน้าอกซ้ายทะลุหัวใจโดยมีเจตนาฆ่า นายอุบลถึงแก่ความตาย จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, 92 และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิด พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานฆ่าผู้อื่น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 18 นาฬิกาจำเลยกับภรรยาจำเลยทะเลาะกันอยู่ในบ้าน ผู้ตายได้เข้ามาบอกว่าอย่าทะเลาะกันหนวกหูชาวบ้านจำเลยว่าไม่เป็นไรผัวเมียทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน ผู้ตายเข้ามาล็อคคอจำเลย จำเลยเหวี่ยงผู้ตายล้มลงในที่สุดก็กอดรัดกัน ภรรยาจำเลยเข้ามาห้ามจึงเลิกกัน ตอนผู้ตายกลับไปได้ตะโกนว่าเดี๋ยวคืนนี้รู้ผล ต่อมาเวลาประมาณ 21 นาฬิกา ผู้ตายไปยิงปืนขู่ข้างบ้านจำเลย 1 นัดแล้วหนีไป อีก 20 นาที จำเลยก็ขี่รถจักรยาน 2 ล้อจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจฯ พร้อมกับนำมีดทำครัวติดตัวไปด้วย ระหว่างทางผู้ตายได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยาน 2 ล้ออีกคันหนึ่งแล่นปาดหน้ารถคันที่จำเลยขี่ และหยุดห่างจำเลยประมาณ 1 เมตร ผู้ตายกระโดดลงจากรถแล้วใช้อาวุธปืนยิงท้องจำเลย 1 นัด จำเลยจึงใช้มีดทำครัวแทงสวนไปแล้ววิ่งหนี จำเลยได้ถูกยิงตามมาอีก 1 นัด ตรงที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวและมืด แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยถูกผู้ตายใช้ปืนยิงในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำการเพื่อป้องกันตนเองได้ จำเลยแทงสวนผู้ตายไปเพียงครั้งเดียว แสดงว่ากระทำเพื่อยับยั้งมิให้ผู้ตายยิงจำเลยซ้ำอีก เป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
พิพากษายืน