คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครองแม้คดีฟังได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทจริง แต่โจทก์มิได้ขอให้ทำแผนที่พิพาทไว้ และการนำสืบของโจทก์ในเรื่องขนาดความกว้างยาวก็ดี เนื้อที่พิพาทก็ดี เป็นการนำสืบโดยประมาทไว้เท่านั้น ไม่ได้นำสืบให้ได้ความชัดเจนว่าที่พิพาทมีความยาวแต่ละด้านแน่นอนเท่าใด หรือมีจุดหมายที่พอจะถือเป็นแนวเขตให้สามารถบังคับคดีกันได้ เมื่อโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบตามข้ออ้างของตน ไม่นำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงมาสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องให้พอที่ศาลจะมีบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ ก็ต้องถือว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ด้วยการครอบครองปกปักษ์ โดยบรรยายว่าที่พิพาทด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และตะวันตกติดที่ดินจำเลยด้านทิศตะวันออกติดลำรางสาธารณะ มีต้นไม้ยืนต้นและคันนาทั้งสามด้านอยู่ตำบลบ้านเบิกอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ราว ๘ ไร่ ที่ดินดังกล่าวตกอยู่ในโฉนดเลขที่ ๑๔๖๖
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๕๖๖ เป็นของจำเลยซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้อื่น โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองและเกี่ยวข้อกับโฉนดที่ดิน ๑๕๖๖ แต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในโฉนดหมายเลขที่ ๑๕๖๖ ของจำเลยกับพวกจริงและโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทจริง แต่โจทก์มิได้ขอให้ทำแผนที่พิพาทไว้ และการนำสืบของโจทก์ในเรื่องขนาดความกว้างยาวก็ดี เรื่องเนื้อที่พิพาทก็ดี เป็นการนำสืบโดยประมาทไว้เท่านั้น ไม่ได้นำสืบให้ได้ความชัดเจนว่าที่พิพาทมีความยาวแต่ละด้านแน่นอนเท่าใด หรือมีจุดหมายที่พอจะถือเป็นแนวเขตให้สามารถบังคับคดีกันได้ เมื่อโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบตามข้ออ้างของตน ไม่นำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงมาสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องให้พอที่ศาลจะมีบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ ก็ต้องถือว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง
พิพากษายืน

Share