คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เสารั้วของโรงเรียนปักอยู่บนคันคลองของกรมชลประทานล้ำทางเดินเกือบกึ่งทาง จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นครูและภารโรงของโรงเรียนร่วมกับนักเรียนจัดทำรั้วนั้นขึ้น ย่อมมีสิทธิจะถอนเสารั้วออกทำใหม่ได้ เพราะทางโรงเรียนไม่มีสิทธิจะทำรั้วรุกล้ำทางเดินซึ่งไม่ใช่ที่ดินของโรงเรียน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จะรื้อถอนทำในเวลากลางคืนโดยไม่สมควรอยู่บ้าง ก็ไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องจึงพิพากษาลงโทษ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่ถึงกับเป็นความผิดตามฟ้อง และเป็นเหตุในลักษณะคดี ชอบที่จะพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามบังอาจร่วมกันรื้อรั้วลวดหนามและถอนเสารั้วลวดหนามของโรงเรียนมัธยมวิสามัญไทรใหญ่ ทำให้เสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 83

จำเลยทั้งสามยื่นคำให้การว่าไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง เมื่อสอบถามคำให้การจำเลยที่ 2, 3 ขอให้การใหม่ว่าทำผิดจริงตามฟ้อง โดยจำเลยที่ 1 เป็นคนสั่งให้ทำโดยอ้างว่าจะทำใหม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามฟ้อง

จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า เสารั้วของโรงเรียนปักอยู่บนคันคลองของกรมชลประทานล้ำทางเดินเกือบกึ่งทาง จำเลยที่ 1 ที่ 3 ซึ่งเป็นครูและภารโรงของโรงเรียนร่วมกับนักเรียนจัดทำรั้วนั้นขึ้น ย่อมมีสิทธิจะถอนเสารั้วออกทำใหม่ได้ เพราะทางโรงเรียนไม่มีสิทธิจะทำรั้วรุกล้ำทางเดินซึ่งไม่ใช่ที่ดินของโรงเรียน แม้จำเลยจะทำในเวลากลางคืนโดยไม่สมควรอยู่บ้าง ก็ไม่ถึงกับเป็นความผิดอาญาตามฟ้อง และเป็นเหตุในลักษณะคดี ชอบที่จะพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213, 225 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share