คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เอานาไปให้จำเลยที่ 2-3 เช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ จำเลยที่2-3 มิได้ให้การต่อสู้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ดังกล่าวนั้น. ก็ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยถึงความข้อนั้น
ผู้เช่าช่วงที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ถือว่าเป็นบริวารของผู้เช่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่านา 315 ไร่มีกำหนด 1 ปีค่าเช่า 6,300 บาท จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าและยังเอานาไปให้จำเลยที่ 2-3 เช่าช่วงโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ๆจึงฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามและเรียกค่าเช่าจากจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 1 ให้การรับตามฟ้อง

จำเลยที่ 2-3 ให้การว่า ไม่มีนิติกรรมใด ๆ ผูกพันอยู่กับโจทก์ ๆ ไม่มีอำนาจฟ้อง เดิมนาเป็นของหลวงฤทธิณรงค์รอน ๆ ตายนาแปลงนี้ตกทอดเป็นของนางแจ่ม จำเลยเช่าทำมา 20 ปีแล้วสัญญาเช่ามิได้ทำต่อกัน จำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บค่าเช่าเป็นข้าวไป

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1 ออกจากที่เช่าของโจทก์และให้ชำระค่าเช่า 6,300 บาทด้วย ส่วนจำเลยที่ 2-3 ฟังว่าได้เช่าช่วงนาที่โจทก์ฟ้องจากจำเลยที่ 1 โดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ จึงให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องของโจทก์กล่าวชัดว่า จำเลยที่ 1 เอานาไปให้จำเลยที่ 2-3 เช่าช่วงโดยไม่รับความยินยอมจากโจทก์เป็นข้อกล่าวอ้างให้จำเลยต่อสู้โดยชัดแจ้งว่า จะยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ แต่จำเลยที่ 2-3 หาได้ให้การต่อสู้โดยชัดแจ้งถึงความข้อนี้ประการใดไม่ ดังนี้ จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยถึงเรื่องโจทก์รู้เห็นยินยอมในการเช่าช่วง และถือว่าจำเลยที่ 2-3 เป็นบริวารของจำเลยที่ 1 พิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 2-3 ออกจากที่นา

Share