คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นัดพิจารณาครั้งแรก โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่ากำลังเจรจาหาทางปราณีประนอมยอมความกับจำเลย ศาลเลื่อนการพิจารณาไป ครั้นถึงวันนัด โจทก์แถลงว่าได้ทำความตกลงกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว คงเหลือแต่บางข้อ ยังไม่ได้เตรียมพยานมา ขอเลื่อนคดีไป ดังนี้ แม้โจทก์มิได้ระบุพยานเป็นการบกพร่องตาม ม.88 ป.ม.วิ.แพ่ง ก็ตาม แต่รูปคดีมีเหตุอันควรอนุญาตให้โจทก์เลื่อนการพิจารณาได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 40.

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด ศาลชั้นต้นนัดพิจารณาครั้งแรกวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๙๐ โดยให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน วันที่ ๑ มีนาคม โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่ากำลังเจรจาหาทางปรองดองกับจำเลย จำเลยรับรองและยินยอมให้เลื่อน ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๐ ครั้นถึงวันนัดโจทก์แถลงว่า ได้ทำความตกลงกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว คงเหลือบางข้อ วันนี้ไม่ได้เตรียมพยานมา ขอเลื่อนคดี จำเลยคัดค้านว่า โจทก์ไม่ได้ระบุพยานไม่ควรให้เลื่อน ศาลไม่อนุญาต แล้วพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานสืบสมข้ออ้าง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่ง และคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี แล้วดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ไม่ได้ระบุพยาน ก่อนวันนัดสืบพยานนั้น แม้จะเป็นการบกพร่องปฏิบัติไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๘๘ แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลในคดี โดยโจทก์จำเลยได้เจรจาหาทางปราณีประนอมยอมความระหว่างศาลพิจารณาแล้ว การที่โจทก์ไม่ได้ระบุพยาน ยังไม่เป็นเหตุผลที่จะถือว่า โจทก์ไม่มีพยานสืบหรือนัด ไม่ให้โจทก์สืบเสียทีเดียว รูปคดีมีเหตุอันควรอนุญาตให้โจทก์เลื่อนการพิจารณาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๐
พิพากษายืน

Share