แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ได้รับมอบลายมือชื่อของเขาไปเพื่อขอรถตู้ แต่กลับเอาไปเขียนข้อความว่าได้แบ่งปันผลกำไรการค้ากันแล้วนำเอาเอกสารพยานเท็จนั้นมาอ้างในคดีเช่นนี้นอกจากเป็นความผิดตาม ม.315 แล้วยังต้องมีความผิดตาม ม.157 อีกด้วย
พฤติการณ์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ๆ ยอมปรองดองไม่ติดใจเอาความแก่จำเลย ๆ ไม่เคยต้องโทษมาก่อนดังนี้ควรรอการลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์หาว่าจำเลยได้รับมอบหมายลายมือชื่อโจทก์ซึ่งเซ็นให้ในกระดาษเปล่าเพื่อให้ไปขอตู้รถไฟแต่จำเลยรับเอามาเขียนข้อความว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งปันผลกำไรในการค้ากันไปแล้ว แล้วนำเอกสารนี้ไปใช้เป็นหลักฐานพยานในคดีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งผลกำไรจากจำเลย ขอให้ลงโทษ จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๖ เดือนตาม ม.๑๕๗ จำเลยที่ ๑ จำคุก ๔ เดือนฐานสมรู้
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคดี ศาลอุทธรณ์อนุญาตเฉพาะความผิดส่วนตัวตาม ม.๓๑๕ ส่วน ม.๑๕๗ เป็นอาญาแผ่นดินไม่อนุญาต คดีเฉพาะจำเลยที่ ๑ จึงยุติคงเหลือแต่จำเลยที่ ๒ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่๒ ฎีกาว่าเมื่อโจทก์ได้มอบลายมือชื่อให้จำเลยไปเพื่อการขอรถตู้แต่กลับเอาไปใช้อ้างเป็นหลักฐานในคดีแพ่งเช่นนี้เป็นผิดตาม ม.๓๑๕ อย่างเดียวหาผิดตาม ม.๑๕๗ ด้วยไม่
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่าเมื่อนำเหตุการณ์พยานเท็จนั้นมาอ้างในคดีก็ต้องมีความผิด ตาม ม.๑๕๗ อีกด้วยตามที่ศาลทั้งสองวางบทมาชอบแล้ว
แต่ศาลฎีกาพิเคราะห์ดูรูปคดีที่โจทก์กับจำเลยทั้งสองมีกรณีพัวพันเกี่ยวกับหุ้นส่วนกันหลายคดี และทั้งโจทก์คดีนี้ก็ยอมปรองดองไม่ติดใจว่ากล่าวเอาความแก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งไม่ปรากฎว่าเคยต้องโทษมาก่อนเช่นนี้ ควรรอการลงโทษไว้
จึงพิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้ในกำหนด ๑ ปี