แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ มิใช่กฎหมายซึ่งเมื่อประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้วถือว่าทุกคนต้องทราบและปฏิบัติตาม แม้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าไม่ทราบว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยไม่มีการปิดสำเนาประกาศตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้ โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏว่า ได้มีการปิดสำเนาประกาศไว้ในสถานที่ทุกแห่งตามที่กฎหมายกำหนดให้ประกาศครบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์มิได้นำสืบจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีไม้สักอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. แปรรูปแล้วจำนวน 27 ท่อน เหลี่ยม/แผ่น ปริมาตร 11.19 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุยกเว้นโทษ ซึ่งอยู่ในเขตควบคุมแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สำเนาประกาศดังกล่าวปิดไว้แล้ว ณ สถานที่ทุกแห่งตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ใช้บังคับได้ตามกฎหมาย และจำเลยได้ทราบแล้ว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48,73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ฯลฯ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74, 74 ทวิ ฯลฯ จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือนของกลางริบคำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง รวมทั้งจำเลยที่ 1 ที่ 3 ด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดีของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จะเป็นความผิดฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปแล้วไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานนั้น นอกจากจะต้องได้ความว่าจำเลยมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและไม่มีเหตุยกเว้นโทษตามกฎหมายแล้ว ยังต้องได้ความว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวในเขตการควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรซึ่งเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สำเนาประกาศนั้นปิดไว้แล้ว ณ สถานที่ทุกแห่งตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 5 อีกด้วย แม้จำเลยจะไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ทราบว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่มีการปิดสำเนาประกาศตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้ โจทก์ก็ต้องมีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏว่าได้มีการปิดสำเนาประกาศนั้นไว้ในสถานที่ทุกแห่งตามที่กฎหมายกำหนดให้ประกาศ ประกาศของรัฐมนตรีดังกล่าวมิใช่กฎหมายซึ่งเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วถือว่าทุกคนต้องได้ทราบและปฏิบัติตาม เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าได้มีการปิดประกาศตามกฎหมายครบถ้วนแล้ว จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน