คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าจ้างทำของแก่ ม. โอนเช็คไปยังโจทก์ ม. ไม่นำของที่จำเลยจ้างทำมาส่งตามสัญญา จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ไม่เป็นทุจริต ไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นผู้ออกเช็คทั้ง 3 ฉบับที่โจทก์ฟ้อง และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น โดยจำเลยอายัดเช็คและห้ามธนาคารมิให้จ่ายเงิน ปัญหาที่จะวินิจฉัยมีว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ ปรากฏว่าเช็คทั้ง 3 ฉบับที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ได้รับจากนายเม่งกี่ แซ่ตั้ง นำมาชำระค่าซื้อเหล็กจากโจทก์ หาได้รับจากจำเลยโดยตรงไม่ส่วนจำเลยนำสืบว่า เช็คที่พิพาท 3 ฉบับนี้ จำเลยสั่งจ่ายให้นายตั้งเม่งจี่เป็นค่าทำเหล็กดอกไม้ โดยตกลงกันว่านายตั้งเม่งจี่จะต้องนำเหล็กดอกไม้มาส่งมอบให้จำเลยภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2518 ตามเอกสารหมาย ล.1และหลังจากจำเลยได้รับเหล็กดังกล่าวแล้ว 8 วัน นายตั้งเม่งจี่จึงจะมีสิทธินำเช็คทั้ง 3 ฉบับไปเบิกเงินจากธนาคารได้ แต่เมื่อถึงกำหนดนายตั้งเม่งจี่ไม่นำเหล็กมาส่งมอบให้จำเลยตามสัญญา จำเลยจึงสั่งห้ามธนาคารมิให้จ่ายเงินตามเช็คศาลฎีกาเห็นว่า กรณีที่จำเลยสั่งห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้น จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3(5) จะต้องเป็นการสั่งห้ามธนาคาร มิให้จ่ายเงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต ถ้าขาดเจตนาทุจริตก็ไม่เป็นความผิด การที่จำเลยห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คก็เพราะนายตั้งเม่งจี่ไม่ส่งเหล็กดอกไม้ให้จำเลยตามข้อตกลงในสัญญามิใช่เป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง”

พิพากษายืน

Share