แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้แขนรัดคอผู้เสียหายบังคับให้ไปด้วยกัน มิฉะนั้นจะแทงให้ตาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปล้มลง จำเลยวิ่งตามไปใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษ ใบมีดโตประมาณ 1 นิ้ว แทงผู้เสียหายตามบริเวณหน้าอก ราวนม และด้านหลังรวม 7 แผล หากแต่มีผู้มาพบเข้าจำเลยจึงผละหนีไป การใช้อาวุธตามขนาดดังกล่าว แทงที่ตำแหน่งสำคัญของร่างกายเช่นนี้ เป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จึงมีความผิดขั้นพยายาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนางสาวมติกา สาระวัลย์ โดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะมีผู้อื่นมาพบเข้า จำเลยจึงวิ่งหนีไป ผู้เสียหายซึ่งถูกแทงถึง ๗ แผล จึงเพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนา จึงมีความผิดขั้นพยายาม เนื่องจากจำเลยและผู้เสียหายเคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ผู้เสียหายนับว่ามีส่วนก่อความผิดด้วย จึงควรลงโทษสถานเบา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุกไว้มีกำหนด ๑๕ ปี แต่ผิดขั้นพยายามคงลงโทษสองในสาม เป็นโทษจำคุก ๑๐ ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกไว้ ๖ ปี ๘ เดือน ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยวิ่งตามผู้เสียหาย ซึ่งดิ้นผละหนีและไปสะดุดล้มลง ขณะนั้นเป็นเวลา ๔ นาฬิกายังมืดอยู่ จำเลยไม่อาจคาดคิดว่าจะแทงถูกที่ใดบ้าง ตามรายงานชันสูตรบาดแผลแพทย์ประมาณการรักษาไว้ ๒๐ วัน และปรากฏว่าผู้เสียหายรักษาตัวในโรงพยาบาลครั้งแรก ๗ วัน เมื่อออกมาแล้วได้เข้าไปรักษาอีก ๑๐ กว่าวัน เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามเพราะคดีให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา คงจำคุกไว้ ๑ ปี ๔ เดือน นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาข้อเท็จจริงจากจดหมายเอกสาร จ. ๑ ซึ่งจำเลยมีถึงผู้เสียหายว่าผิดคำสาบาน และกล่าวลาตาย และในขณะเกิดเหตุได้ใช้แขนรัดคอผู้เสียหาย บังคับว่าถ้าไม่ไปจะแทงให้ตาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปสะดุดล้ม จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ ๑ คืบเศษ ถึง ๒ คืบ ใบมีดโตประมาณ ๑ นิ้ว แทงผู้เสียหายถึง ๗ แผลที่บริเวณหน้าอก ราวนม และด้านหลัง ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าถ้าทะลุถึงหัวใจและปอด เป็นเหตุให้ตายได้ และขณะเกิดเหตุมีผู้มาพบเห็นจำเลยจึงหนีไป เห็นว่าตามพฤติการณ์เหล่านี้ จำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่า หากแต่มีผู้มาพบเห็นจำเลยจึงหนีไป และการแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นในขั้นพยายาม พิพากษาแก้ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น