แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีแพ่ง เมื่อจำเลยยื่นคำให้การแล้วโจทก์ยื่นคำขอเพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องนั้น อำนาจศาลมีอยู่เสมอที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขที่เห็นสมควรข้อจำกัดมีอยู่แต่เพียงว่า ถ้าศาลอนุญาตจะต้องฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อนเท่านั้น
โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้านแต่เสนอเงื่อนไขต่อศาลหลายประการนั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ถอนคำฟ้องเนื่องจากมีข้อตกลงหรือประนีประนอมยอมความกับจำเลย จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 175 (2) และศาลมีอำนาจโดยบริบูรณ์ที่จะใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ รูปี ซึ่งนายอูเดปารด๊าฟซิงห์ได้รับมาจากนายสีในประเทศธิเบตแทนโจทก์ แล้วจะนำไปให้โจทก์ที่ฮ่องกง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ค้นและยึดเงินของโจทก์ไปขณะพักรถ เครื่องบินที่ดอนเมือง โดยหาว่านำเข้ามาในราชอาณาจักร และคณะกรรมการและอธิบดีกรมศุลกากรได้ลงมติให้ริบเงินของโจทก์อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้คืนและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาจวนจะสิ้นสุดการสืบพยาน โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและขอคืนค่าธรรมเนียม จำเลยไม่คัดค้านแต่ขอให้โจทก์รับรองจะไม่ฟ้องคดีนี้ใหม่ และเสียค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายแทนจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินรูปีรายนี้ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๕ นั้น เป็นที่เห็นได้ชัดว่า อำนาจศาลมีอยู่เสมอ ในกรณีที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว และโจทก์ยื่นคำขอเพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องในอันที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตภายในเงื่อนไขที่เห็นสมควร ข้อจำกัดก็มีอยู่แต่เพียงว่าในกรณีที่ศาลจะให้อนุญาตจะต้องฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อนเท่านั้น
กรณีการที่จำเลยไม่คัดค้านแต่เสนอเงื่อนไขต่อศาลมาหลายประการนั้น มิใช่เป็นเรื่องถอนคำฟ้องเนื่องจากมีข้อตกลงประนีประนอมยอมความกับจำเลย จึงไม่อยู่ในบทบังคับมาตรา ๑๗๕(๒) ศาลมีอำนาจโดยบริบูรณ์ที่จะใช้ดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ และตามกรณีที่ปรากฎ ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลยพินิจสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องนั้นเป็นการชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์